อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 12 ต.ค. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 12 ต.ค. 58

ธงไทยรู้ดีว่าวิวคิดอย่างไรกับตัวเองแต่ไม่สามารถเปิดรับความรู้สึกของเธอได้ เพราะเขามีตะวันอยู่เต็มหัวใจ อ้างว่าดึกแล้วขอตัวกลับก่อน รบกวนเธอมาทั้งวันแล้ว เธอจะได้กลับไปพักผ่อน ส่วนเขาจะกลับไร่นวลตะวัน วิวใช้ความพยายามเฮือกสุดท้าย เผยความในใจให้เขารู้อย่างไม่มีปิดบัง

“จะกลับคืนนี้เลยเหรอ อย่าไปเลยดึกแล้วขับรถไกลๆวิวเป็นห่วง อยู่ที่นี่เถอะนะเช้าค่อยไป”

“ไทยกลับเลยดีกว่า ไปเถอะวิว เดี๋ยวไทยไปส่งวิวที่บ้านนะ”



วิวผิดหวังที่เขาไม่รับรู้อะไรด้วย บอกให้กลับไปก่อน เธอต้องอยู่เก็บงานลูกค้า แล้วเตือนว่าถึงบ้านเมื่อไหร่ให้โทร.บอกด้วย จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ธงไทยรับคำ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่รู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกัน ทันทีที่เขาพ้นประตูร้าน วิวร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

ooooooo

กว่าวิวจะเก็บงานลูกค้าเสร็จก็ดึกมากแล้ว เธอหอบข้าวของรวมทั้งชุดของลูกค้าพะรุงพะรังออกมาหน้าร้าน ขณะกำลังจะไขกุญแจล็อกประตู รู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ หันขวับไปมองก็ไม่เจอใคร ชักใจคอไม่ดีกลัวจะเป็นโจร พลันมีเสียงฝีเท้าใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ วิวล้วงกระเป๋าหยิบของบางอย่างออกมาฉีดใส่หน้า

“โอ๊ยๆๆๆ ตาบอดแล้ว...ตาบอดแล้ว” ชีสเค้กร้องลั่น วิวเห็นเป็นลูกน้องผู้ชายนะยะของตัวเองก็โล่งอก

“พูดเว่อร์ นี่มันน้ำแร่ย่ะ ดีนะที่หยิบกระป๋องผิด ไม่งั้นตาบอดไปแล้วเนี่ย” วิวว่าแล้วหยิบขวดน้ำแร่กับขวดสเปรย์พริกไทยให้ชีสเค้กดู เขาว่าถ้าเกิดตาบอดขึ้นมาจริงๆ วิวต้องรับเลี้ยงเขาไปจนตาย เธอยินดีจะยกที่ว่างหน้าร้านให้ชีสเค้กมานั่งขอทาน เขาค้อนขวับ

“ใจร้าย คนอุตส่าห์ห่วงใย”

วิวรู้ทันว่าชีสเค้กอยากรู้เรื่องของเธอกับธงไทยมากกว่าถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ไล่ตะเพิดไปให้พ้น เขาจึงเดินบิดสะโพกจากไป วิวรีบล็อกประตูร้านแล้วหอบข้าวของไปยังที่จอดรถไม่ทันเห็นว่าตะวันแอบมองอยู่ ก่อนจะเดินตามไปถึงรถที่วิวจอดไว้ห่างจากร้านพอสมควร แถมตรงนั้นยังค่อนข้างเปลี่ยว เธอเอาชุดของลูกค้าวางไว้ที่เบาะหลัง ส่วนข้าวของเอาไปใส่กระโปรงท้ายรถ แต่รู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ข้างหลังคิดว่าเป็นชีสเค้ก

“ยังไม่เลิกล้อเล่นอีกไม่ตลกนะชีสเค้ก” วิวพูดโดยไม่หันไปมอง เงียบไม่มีเสียงตอบ “บอกให้กลับบ้านไปได้แล้ว” พูดจบหันไปจะดุ ต้องตกใจที่เห็นตะวันยืนอยู่ “เธอ! ตะวัน...ไม่ใช่สินะ คุณปรางค์ทองต่างหาก”

“เลิกยุ่งกับพี่ไทยซะ เราแต่งงานกันแล้ว”

“ไม่จริง เธอโกหก ไทยไม่แต่งงานกับผู้หญิงเลวๆอย่างเธอหรอก” วิวตกใจไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ ตะวันย้ำให้เลิกวุ่นวายกับธงไทย วิวไม่ยอมทำตาม เธอต่างหากที่ควรจะเลิกยุ่งกับเขา ตะวันฉุนขาดเงื้อไม้ที่ถือติดมือมา หวดกกหูวิวเลือดสาด ทรุดฮวบลงไปในกระโปรงท้าย แต่ขายังห้อยออกมา ตะวันจับขายัดตามเข้าไปแล้วปิดฝากระโปรงรถ ก่อนจะเดินหายไปในความมืด

ooooooo

หนูพุทธออกมาจากเรือนใหญ่จะไปโรงเรียน เห็นรถของธงไทยจอดอยู่ รีบวิ่งไปดูเจอเขานอนหลับอยู่ข้างในก็ดีใจมาก ตะโกนลั่นบ้านว่าพี่ไทยกลับมาแล้ว พร้อมกับเคาะกระจกรถปลุกเขาไปด้วย ธงไทยสะดุ้งตื่นเห็นเธอยืนอยู่ก็ดีใจ ไผ่วิ่งมาถึงเป็นคนแรก

“อะไรหนูพุทธ มีอะไร ตะโกนซะตกใจ”

“พี่ไผ่จ๋า พี่ไทยกลับมาแล้ว”

ธงไทยเห็นหน้าไผ่แล้วใจหาย ไม่รู้จะบอกเขา อย่างไรเรื่องของตาท้วม เจียมตามมาสมทบ เห็นธงไทยกลับมาครบสามสิบสองโผกอดไว้แน่น น้ำหูน้ำตาเล็ด ต่อว่าว่าทีหน้าทีหลังอย่าหายไปเฉยๆแบบนี้อีก ตนเป็นห่วง จ๊ะจ๋าอยากจะกอดเขาเช่นกันแต่ไม่กล้า ไผ่ไม่เห็นพ่อของตัวเองกลับมาด้วยก็ถามหา

“จริงๆด้วย ตาท้วมยังไม่กลับมาเหรอจ๊ะพี่ไทย หนูพุทธคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว”

ธงไทยอึกอัก ก่อนจะบอกไผ่ว่าตาท้วมตายแล้ว เขาถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทุกคนก็ช็อกกับเรื่องนี้โดยเฉพาะเจียมเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น จ๊ะจ๋ารับแทบไม่ทัน

“ป้า...ป้า หนูพุทธมาช่วยกันเร็ว ป้าเจียมเป็นลมไปแล้ว”

ขณะที่จ๊ะจ๋ากับหนูพุทธง่วนอยู่กับการปฐมพยาบาลเจียม ไผ่วิ่งพรวดพราดออกไป ธงไทยรีบวิ่งตาม...

ในเวลาเดียวกัน ทรงพลไล่อากาศออกจากเข็มฉีดยาในมือตัวเอง แล้วเดินไปหาเปลวที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อยากจะหนีก็ขยับตัวไม่ได้ จะร้องก็ร้องไม่ออก

“ให้ฉันฉีดยาให้เธอหน่อยนะ เธอจะได้หลับสบายไง เธอเหนื่อยมามากแล้ว ฉันจะให้เธอนอนสบายๆ นั่งกิน

นอนกินไม่ต้องพูดไม่ต้องขยับตัวอีกเลย ตลอดชีวิต ฉันรักเปลวนะ ต่อไปฉันจะเลี้ยงดูเปลว ปรนนิบัติเปลวเหมือนอย่างที่เปลวเคยทำให้ฉันไง”

เปลวพยายามส่งสายตาอ้อนวอน แต่ทรงพลไม่สนใจ

อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ตะวันที่เพิ่งมาถึงมองไปรอบๆอย่างแปลกใจ ทำไมไม่มีใครอยู่ข้างล่างสักคน แทนที่จะตะโกนเรียก เธอกลับเดินสำรวจเงียบๆ กระทั่งมาในห้องของทรงพล เห็นเพียงรถเข็นของเขาจอดอยู่

“หายไปไหนกันหมด รถเข็นอยู่ที่นี่ รถยนต์ก็จอดอยู่ ไม่ได้ออกไปไหน”

ตะวันกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง พลันมีเสียงเหมือนแก้วแตกดังมาจากห้องของแม่ รีบขึ้นไปดู เห็นแสงไฟลอดออกมาจากช่องประตู และรับรู้ได้ถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

ในเมื่อแม่อยู่บ้านแล้วทรงพลหายไปไหน เธอตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป ต้องตกใจที่เห็นแม่หน้าตายับเยินนอนอยู่บนเตียง โดยมีทรงพลนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ มือโดนเศษแก้วที่แตกกระจายเกลื่อนพื้นบาดเลือดโชก สายตาของเขาที่มองมายังเธอน่าเวทนายิ่งนัก เปลวส่งสายตาเป็นทำนองให้เธอหนีไป แต่เธอไม่เข้าใจ

ความหมาย กลับวิ่งไปหยิบร่วมยามาทำแผลให้ทรงพล แล้วพยุงให้ไปนั่งบนเตียงข้างๆแม่

“พ่อพยายามจะเอาน้ำให้แม่เขากิน อุตส่าห์ปีนขึ้นมาถึงห้อง แต่แก้วดันตกข้างเตียงเสียได้ พวกมันไม่เลิกไม่รา พอหนูหนีไป มันก็มาลงที่แม่กับพ่อ เปลวเป็นคนดีไม่เคยทำอะไรใครมันก็ยังทำกันได้ลงคอ” ทรงพลโกหกเป็นฉากๆ ตะวันเอามือลูบแก้มแม่เบาๆน้ำตาคลอด้วยความสงสาร เปลวพยายามส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่ได้เป็นอย่างเขาพูด แต่ช่างยากลำบากเหลือเกิน เขายังคงใส่ไฟครอบครัวของวัฒนาเพื่อเพิ่มความแค้นให้ตะวัน เปลวอึดอัดใจที่ไม่สามารถเตือนอะไรลูกได้ ร้องไห้น้ำตาไหลพราก เธอเข้าใจผิดคิดว่าท่านแค้นไปด้วย

“แม่คะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ ถ้าเมื่อไหร่โลกนี้

ไม่มีคนอย่างพวกมัน...”

“เมื่อนั้น ชีวิตพวกเราก็คงจะสงบ” ทรงพลแอบยิ้มพอใจที่ตะวันหลงเชื่อ

ooooooo

ไผ่วิ่งเตลิดมาถึงมุมหนึ่งของไร่นวลตะวันจนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ ทรุดลงกับพื้นร้องไห้อย่างไม่อายใคร ธงไทยตามมานั่งข้างๆ จับไหล่เขาไว้พร้อมกับขอโทษที่ดึงตาท้วมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“เพราะตะวันคนเดียว ผู้หญิงคนนี้พาแต่ความเลวร้ายมาสู่ไร่ของเรา” ไผ่ขบกรามแน่นด้วยความแค้น

จ๊ะจ๋าโทษว่าเป็นความผิดของเธอเอง เธอโดนหลอกคีรินหลอกใช้ ไม่อย่างนั้นตาท้วมก็คงไม่ตาย จากนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็พรั่งพรูออกจากปากเธอ ไผ่ฟังแล้วเจ็บใจมากที่พ่อของตนเองต้องมาตายเพราะความแค้นส่วนตัวของใครก็ไม่รู้ ธงไทยขอร้องอย่าไปโทษคนอื่น เป็นความผิดของเขาคนเดียว

“คุณไทย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”

“แต่ถ้าให้เลือกได้ ฉันก็จะเลือกทำทุกอย่างเหมือนเดิม” ธงไทยยืนยันหนักแน่น...

ทางด้านเจ๊แน๊ตเห็นรถของวิวจอดอยู่ที่เดิม รีบเดินมาดูด้วยความประหลาดใจ มาเร็วแบบนี้ทำไมไม่เอารถไปจอดหน้าร้าน เห็นประตูรถไม่ได้ล็อก แถมชายกระโปรงชุดเจ้าสาวของลูกค้าแลบออกมานอกรถ

“ว้าย อย่าบอกนะว่าชุดของคุณเนย...ตายแล้วแม่วิว คอยดูนะฉันจะเล่นงานหล่อนแน่ๆ” เจ๊แน๊ตว่าแล้วเปิดกระโปรงท้ายรถดู ถึงกับช็อกเมื่อเจอร่างไร้วิญญาณของวิว...

บนถนนสายเปลี่ยวเส้นหนึ่ง นันทวัฒน์นั่งหน้าเครียดมาในรถ นันทาหมั่นไส้มาก แต่ไม่รู้จะด่าลูกเรื่องอะไร จึงหันไปเล่นงานคนขับรถว่าหลงทางหรือเปล่า ทำไมถึงเปลี่ยวขนาดนี้ เขาอ้างว่ามาตามแผนที่ทุกอย่าง อีกห้ากิโลเมตรจะถึงที่หมายแล้ว

“ที่ลึกลับขนาดนี้จะให้มาดูทำไมนะ คุณทนงศักดิ์นี่จริงๆเลย แล้วตัวเองก็ไม่มา” บ่นเสร็จนันทาเห็นคนขับรถค่อยๆเบนรถจอดข้างทาง ถามเสียงเขียวว่าจอดรถทำไม เขาชี้ไปที่หญิงท้องแก่ที่นั่งอยู่ข้างทาง

“ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเป็นลมนะครับ”

ทั้งนันทาและนันทวัฒน์ต่างเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สั่งให้คนขับรถลงไปดู พระอาทิตย์เคลื่อนออกจากเมฆสาดแสงเข้ามาในรถ นันทาจึงเลื่อนม่านมาบังแดด ทำให้ไม่เห็นเหตุการณ์ภายนอก กว่าจะรู้ว่านี่เป็นแผนลวง คนขับรถถูกตะวันเล่นงานสลบเหมือด จากนั้นเธอขึ้นประจำที่นั่งคนขับ หยิบหน้ากากกันแก๊สพิษขึ้นมาสวม ก่อนจะหันไปพ่นยาสลบใส่ทั้งคู่ อึดใจก็พากันหมดสติ...

ขณะที่สองแม่ลูกตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ธงไทย ไผ่ เจียมกับจ๊ะจ๋าและหนูพุทธเพิ่งทำบุญให้ตาท้วมเสร็จ ธงไทยพร่ำขอโทษไผ่ไม่หยุดปาก ความจริงแล้วคนที่สมควรตายน่าจะเป็นตนมากกว่า

“คุณไทยอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมว่าพ่อผมต้องดีใจที่สุดถ้ารู้ว่าคุณไทยปลอดภัยดี”

“ไผ่พูดอย่างนี้ฉันยิ่งไม่สบายใจ”

“ความจริงผมกับพ่อคงตายไปนานแล้ว ถ้าไม่ได้คุณประวัติคุณพ่อของคุณไทยช่วยชีวิตเอาไว้ แถมมอบชีวิตใหม่ที่สุขสบายในไร่นวลตะวันให้อีก พ่อแกคงพอใจกับชีวิตที่ผ่านมาแล้วล่ะครับ ถึงตายแกคงไม่เสียดายชีวิต คุณไทยอย่าไม่สบายใจเลยนะครับ”

จ๊ะจ๋าสวนทันที หากจะมีใครที่ไม่สบายใจก็ต้องเป็นนังตัวซวยนั่นต่างหาก เจียมต้องสั่งให้หลานสาวหุบปาก ไม่อย่างนั้นจะหาอะไรมาตีให้ปากแตก จากนั้นทั้งห้าคนเดินไปที่ลานจอดรถ จ๊ะจ๋ากดอ่านข่าวในมือถือแล้วต้องตะลึง หนูพุทธเห็นสีหน้าของเธอก็ร้องถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ฉันว่าแล้วว่ามันเป็นตัวซวย ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน” จ๊ะจ๋าเห็นธงไทยจ้องตาเขม็ง ถึงได้รู้สึกตัวว่าพูดมากไป รีบเอามือถือซ่อนไว้ด้านหลัง เจียมแย่งมันมาดู แต่ตัวหนังสือเล็กเกินไปอ่านไม่ถนัด ส่งให้ธงไทยช่วยอ่าน พอเขาเห็นข่าวในมือถือของจ๊ะจ๋าเท่านั้น บอกให้ไผ่เรียกคนงานที่ไร่มารับกลับ แล้ววิ่งปรู๊ดไปขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของทุกคน

ooooooo

นันทวัฒน์ฟื้นคืนสติ พบว่าตัวเองอยู่ในบ้านของทรงพล ถูกมัดมือไพล่หลังอยู่ใกล้ๆกับนันทาซึ่งยังสลบไสล ไม่ห่างกันนัก ทรงพลนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนรถเข็น ส่วนเปลวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ทันทีที่ตะวันเดินเข้ามา นันทวัฒน์ร้องถามว่านี่มัน อะไรกัน เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่มองเขานิ่ง

“ได้เวลาจบเรื่องยุ่งๆแล้วลูก” ทรงพลพูดจบ ส่งปืนให้ตะวันที่สีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึก

นันทารู้สึกตัว กวาดตามองไปรอบๆ งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทรงพลยุให้ตะวันจัดการสองแม่ลูกให้สิ้นซาก แก้แค้นให้สาสมกับที่พวกมันทำกับเขาและเปลว โดยให้ยิงนันทวัฒน์ก่อน นันทาจะได้เห็นลูกตัวเองตายต่อหน้า เปลวอยากห้ามลูกใจแทบขาดแต่ขยับไม่ได้ ทรงพลเห็นตะวันยืนนิ่งก็เร่งรัดหนักข้อขึ้น

“ลังเลอะไรล่ะ หนูรักคุณธงไทยแล้วหนูก็แต่งงานกับคุณธงไทยแล้ว ไอ้หมอนั่นมันไม่มีความสำคัญอะไรกับหนูอยู่แล้วนี่ มันก็แค่หมากโง่ๆตัวหนึ่งในเกมล้างแค้นของเราเท่านั้น”

นันทวัฒน์ตัดพ้อต่อว่าตะวัน ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขารักเธอมากมายขนาดไหน ทรงพลหงุดหงิดสั่งให้ตะวันลงมือ ป่านนี้ธงไทยรอแย่แล้ว รีบจบเรื่องบ้าๆเหล่านี้ได้แล้ว นันทาขอร้องอย่ายิงนันทวัฒน์ แต่ตะวันไม่สนใจยิงใส่ทันที นันทาเอาตัวรับกระสุนแทนลูกชาย เสียงปืนดังไปถึงธงไทยที่เพิ่งขับรถมาจอดหน้าบ้าน เขาใจคอไม่ดีเกรงจะเกิดเหตุร้าย รีบโทร.แจ้งตำรวจ...

แม้จะเจ็บหนัก แต่นันทาก็ห่วงลูกชายยิ่งกว่าชีวิต พยายามขอร้องตะวันไว้ชีวิตลูกชายของเธอด้วย เธอกับครอบครัวไม่เคยทำอะไรเปลว

“กลัวลูกตายเหรอ แล้วที่คุณสั่งฆ่าฉันทำไมคุณไม่นึกถึงหัวอกแม่ฉันบ้าง”

“ฉันขอสาบาน...ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย...อย่าฆ่า...ลูก...ฉัน” นันทาเริ่มหายใจติดขัด ทรงพลรำคาญสั่งให้ตะวันฆ่าทั้งแม่ทั้งลูกให้สิ้นซาก เปลวร้องห้ามลูกสาว แต่เสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน ตะวันเริ่มไม่แน่ใจว่านันทาคือคนที่ใช่ หยิบมือถือของเฮียฮุยออกมาส่งข้อความหาผู้จ้างวาน

สักพักมีเสียงสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า ดังมาจากมือถือของทรงพลที่วางไว้บนโต๊ะ ตะวันถึงบางอ้อทันที ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายทั้งหมดก็คือเขานี่เอง ตัดพ้อทำไมต้องสั่งฆ่าเธอด้วย ไม่พูดเปล่าเธอเล็งปืนใส่เขาด้วย ทรงพลไวกว่าคว้าปืนที่ซ่อนอยู่ในรถเข็นยิงถูกตะวันบริเวณทัดดอกไม้ถึงกับทรุดฮวบ

เปลวรวบรวมกำลังทั้งหมดตะโกนสุดเสียง “ไม่...ปรางค์”

ตะวันเห็นทรงพลลุกขึ้นจากรถเข็นเดินปร๋อก็ยิ่งปวดใจ “ทำ...ไม”

“ก็แกมันใจอ่อน ฉันส่งแกไปแก้แค้น แกก็ดันไปใจอ่อนกับมัน ไปหลงรักมัน แกมันก็บ้า ทั้งๆที่จำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ยังเชื่อฉัน ลุกขึ้นมาไล่กัดคนเป็นหมาบ้า สนุกชิบเป๋ง นังโง่เอ๊ย”

“คุณ...พ่อ”

“ฉันไม่ใช่พ่อแก คนที่จะเป็นลูกสาวฉันได้มันต้องเข้มแข็งไม่ใจอ่อน ฉันเคยรักแกมาก แต่ทำไมทุกคนที่ฉันรัก ต้องทรยศหักหลังฉันด้วย ไม่มีใครเห็นค่าในความรักความจริงใจของฉันเลย ทำไมทุกคนถึงได้ใจร้ายกับฉัน ไม่มีใครคิดจะตอบแทนความรักและความหวังดีของฉันเลย” ไม่พูดเปล่า ทรงพลกวัดแกว่งปืนไปมาคล้ายคนสติแตก “ฉันจะส่งใครไปลงนรกก่อนดี ไอ้ลูกแหง่ของไอ้วัฒนา หรือว่าแก...นังลูกไม่รักดี”

ในที่สุดทรงพลหันปืนไปทางตะวัน ยังไม่ทันเหนี่ยวไก เปลวกัดฟันโดดใส่เสียก่อน ปืนลั่นเปรี้ยงแต่ไม่โดนใคร ทั้งคู่ยื้อแย่งปืนกัน เปลวสู้แรงไม่ไหวถูกผลักกระเด็น ทรงพลหันปืนจะยิงเปลว ตะวันข่มความเจ็บปวด คว้าปืนที่ตกอยู่ยิงใส่เขา ก่อนจะล้มฟุบไปด้วยกันทั้งคู่

เป็นจังหวะเดียวกับธงไทยพาตำรวจบุกเข้ามา เขาเห็นหญิงคนรักนอนจมกองเลือดรีบเข้าไปประคอง

“ตะ...วัน...รัก...พี่ไทย...” พูดได้แค่นั้น ตะวันหมดสติ

ooooooo

หลายเดือนผ่านไป...

ตำรวจมาขอพบธงไทยที่ไร่นวลตะวันเพื่อเตือนว่าหากตะวันอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ จะถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เขารับรองคราวนี้จะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ใครผิดก็ต้องว่าไปตามนั้น

“ขอบคุณคุณไทยนะครับที่เข้าใจ งั้นพวกผม ขอตัวก่อน อย่าลืมพาคุณตะวันไปรายงานตัวทุกวันนัดหมายด้วยนะครับ” ร้อยเวรว่าแล้วเดินนำลูกน้องออกไป เจียมอุ้มหนูมะลิทารกตัวน้อยเข้ามากับหนูพุทธ

“หนูมะลิน่ารักเหลือเกิน”

“พี่ไทยให้หนูพุทธช่วยเลี้ยงน้องด้วยนะคะ รับรองว่าหนูพุทธจะช่วยให้เต็มที่เลยจ้ะ”

“ได้สิจ๊ะ ช่วยๆกันนะ พี่คนเดียวไม่ไหวแน่ๆ”

“อุ้มสิคะ” เจียมส่งหนูมะลิให้ ธงไทยรับเด็กน้อยมาอุ้มด้วยความรักเต็มหัวใจ...

ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น นันทวัฒน์ตัดสินใจเข้ามาอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ มยุริญทำอาหารมาถวายทุกวันไม่เคยขาด เธอเล่าให้ฟังว่าชวนกันเกราไปอยู่ด้วย ตอนนี้แม่ของเธอก็เลยได้เพื่อนที่รู้ใจ

“ขอบใจโยมน้องมาก อาตมาสบายใจแล้ว ต่อจากนี้ไปชีวิตที่เหลืออยู่ อาตมาขออุทิศให้กับการศึกษาธรรม” พระนันทวัฒน์พูดเป็นนัยๆให้มยุริญรู้ว่าไม่ต้องรอ ท่านไม่สึกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นหลวงพี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ดิฉันจะดูแลน้ากันเกราให้เป็นอย่างดี”

“ขอให้กุศลผลบุญนี้ส่งผลให้โยมน้องประสบพบเจอแต่สิ่งดีๆและคนดีๆด้วยเทอญ”...

ณ ทุ่งทานตะวันอันกว้างใหญ่สุดสายตา ตะวันนั่งอยู่บนรถเข็นโดยสวมหมวกไหมพรมปกปิดรอยแผลผ่าตัดสมอง หน้าตาของเธอยังซีดเซียวเนื่องจากร่างกายยังไม่แข็งแรง ดวงตาไร้แวว ดูเลื่อนลอยเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เธอมาที่ไร่นวลตะวันแห่งนี้ ธงไทยอุ้มหนูมะลิเข้ามานั่งข้างๆ

“พี่ไปรับหนูมะลิมา คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ดูสิจ๊ะ ลูกของเราน่ารักไหม” ธงไทยจะส่งลูกให้ แต่ตะวันขยับหนีตาแดงๆจะร้องไห้ “ไม่เป็นไรจ้ะ ดูสิหนูมะลิน่ารักจะตายไป ลองอุ้มดูสิจ๊ะ” เขาส่งลูกให้เธออีกครั้ง ทันทีที่ได้อุ้มเด็กน้อย น้ำตาของตะวันไหลพราก เธอกอดลูกไว้แนบอกด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่

“ไทย...ไทย” ตะวันพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถผสมเป็นคำได้ก็เลยร้องไห้อย่างอัดอั้น

“ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ตะวันกับหนูมะลิจะเติบโตไปด้วยกัน”

ตะวันยิ้มทั้งน้ำตา ธงไทยกอดสองแม่ลูกไว้ด้วยความรัก กลางทุ่งทานตะวันที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง

ooooooo

******อวสาน******

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 12 ต.ค. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ