อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 14 วันที่ 10 ต.ค. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 14 วันที่ 10 ต.ค. 58

คิมหันต์พามุกรินไปที่บ้านเธอ รถของมุกรินจอดอยู่ในบ้านก่อนแล้วและที่หน้าบ้านมีรถของปรารภจอดอยู่

คิมหันต์บอกมุกรินว่าเจ้านายเธอมารออยู่ ถามมุกรินว่าเธอจะเลิกกับตนและไปแต่งงานกับปรารภจริงหรือ มุกรินไม่ตอบ คิมหันต์จึงขออยู่กับเธอคืนนี้ได้ไหม เธอยังคงนิ่ง

ปรารภเดินมาถามมุกรินว่าหายไปไหนมาตนเห็นรถจอดอยู่ในบ้าน ถ้าเธอไม่กลับมาก็กะจะไปแจ้งความแล้ว ถามว่าบอกได้ไหมว่าหายไปไหนและทำไมกลับมากับคิมหันต์ มุกรินบอกว่าเรื่องมันยาว



คิมหันต์ตัดบทว่า ให้เวลาคุยกันในฐานะเจ้านายของมุกริน ตนจะเข้าไปรอในบ้าน พลางเดินเข้าไปบอกมุกรินว่า

“เรื่องระหว่างเรา คุณกับผม เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ เชิญครับคุณปรารภใช้เวลาให้เต็มที่ เอาให้คุ้มค่ากับการรอคอยเลยครับ”

พอคิมหันต์เดินเข้าไปในบ้าน ปรารภบอกมุกรินว่า “บอกผมเท่าที่คุณอยากจะบอกก็ได้”

“พี่ใหญ่เป็นหนี้นอกระบบจำนวนมาก มุกถูกพาตัวไปเพื่อต่อรองเรื่องหนี้สิน...แต่ไม่มีปัญหาแล้วเพราะคิมเขาเคลียร์ทุกอย่างให้แล้ว คิมเขาจ่ายหนี้แทนพี่ใหญ่ทั้งหมด แล้วก็พามุกกลับมาบ้าน”

“จริงเหรอ...ไม่น่าเชื่อ ไอ้หมอนี่มันไม่ค่อยซื่อเท่าไหร่นักนะมุก มุกต้องระวังตัวนะ”

“มุกรู้ค่ะ มุกเป็นคู่หมั้นเขามาตั้งสี่ปี ทำไมมุกจะไม่รู้ ขอบคุณที่พี่รภเป็นห่วงนะคะ พรุ่งนี้มุกจะเข้าไปทำงานตามปกตินะคะ” ปรารภรับทราบ ทำท่าจะกลับ แต่ก็ละล้า ละลังจนมุกรินเอ่ยขึ้น “พี่รภ แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคะ”

ปรารภจึงเอ่ยถึงสิ่งที่ตนเตรียมจะบอกเธอในวันนี้ ย้ำว่ามันสำคัญสำหรับตนมาก เห็นมุกรินมองนิ่ง ปรารภเอ่ย

“พี่ว่ามุกคงพอจะเดาได้ แต่ช่างมันเถอะ ถือว่า ยังไม่ได้ออกจากปากพี่ก็แล้วกัน นั่นก็แปลว่ามุกยังปฏิเสธพี่ไม่ได้เหมือนกัน...ถูกไหม...” พูดแล้วค่อยๆหันเดินออกไปขึ้นรถของตัวเอง มุกรินมองตามด้วยความสงสารนิดๆ

ooooooo

เมื่อมุกรินกลับเข้าไปพบกับคิมหันต์ ต่างนั่งนิ่งอยู่นาน จนคิมหันต์บอกว่าถ้าต้องการให้ตนกลับไป ตนก็จะกลับ มุกรินไม่ตอบ เขาจึงไปนั่งข้างๆ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

“ผมรู้ว่าผมทำให้คุณสับสนอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากวันนี้ มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ผมจะยอมรับทุกการตัดสินใจของคุณ ผมอยากจะพูดว่า ผมสัญญา แต่มันคงทำให้คุณรำคาญและไม่เชื่อลมปากผมแน่ๆ แต่ผมสัญญากับตัวเองจริงๆ เชื่อเถอะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหลังจากคืนนี้ หลังจากพี่ชายคุณได้สารภาพความจริงทั้งหมดว่าทำอะไรกับพี่มลไว้บ้าง”

“คุณบอกว่าจะให้ฉันดู” คิมหันต์บอกว่าขอคิดดูก่อน “แล้วคุณจะทำยังไงกับคำสารภาพนั้น”

“ไม่ทำอะไร ถึงยังไงศาลก็ไม่รับฟังอยู่แล้ว แค่ผมได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ผมก็พอแล้ว” เขากุมมือมุกรินไว้อย่างนุ่มนวล บอกเธอว่า “ผมจะจบเรื่องราวในอดีตทั้งหมด เพื่อก้าวไปข้างหน้ากับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ผมเชื่อว่าพี่มลก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้น”

เมื่อเห็นมุกรินมองด้วยแววตาที่ดีขึ้น คิมหันต์ตัดสินใจบอก “ผมกลับล่ะ” แต่พอเขาจะเดินออกไป มุกรินเรียกไว้ถามว่าพักตราเป็นอย่างไรบ้าง

“เขาคงเสียใจที่มีลูกกับผมไม่ได้ แต่นั่นคือสิ่งที่เหมาะควรแล้วระหว่างผมกับเขา เวลาจะเยียวยาและคลี่คลายเรื่องระหว่างผมกับเขาเอง... เรื่องระหว่างเราด้วยเช่นกัน”

“ขอบคุณนะคิม ที่ช่วยพี่ใหญ่ไว้”

คิมหันต์ก้มหอมแก้มเธออย่างแผ่วเบาแล้วขยับจะเดินออก พลันก็ชะงัก เขาก้มมองมือถือแล้วชะงักตกใจ มุกรินถามว่ามีอะไรไหม

“ข้อความจากพักตรา...บอกว่าหนีออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

ooooooo

คืนนี้ ขณะที่อรรถรอฟังข่าวพักตราอยู่อย่างกระวนกระวายใจที่บ้านนั้น เขาได้รับโทรศัพท์จากคลินิกแจ้งว่าเจอตัวพักตราแล้ว คนขับแท็กซี่เป็นคนพามาส่ง

อรรถถามว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอาการไม่ค่อยดี ตกเลือดต้องผ่าตัดด่วน แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากท่านก่อน อรรถบอกทันทีว่า

“ผ่าเลย...ผ่าเดี๋ยวนี้เลย ทำยังไงก็ได้ให้ลูกสาวผมรอด...เข้าใจไหม”

มุกรินได้รับโทรศัพท์จากคิมหันต์ว่าเจอพักตราแล้ว เธอถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิมหันต์บอกว่าอยู่โรงพยาบาลแล้วอยู่ในห้องผ่าตัด มุกรินถามว่าเป็นอะไรมากไหม

“ผมไปเจอในรถแท็กซี่ก็แทบหมดสติแล้ว หมอบอกว่าต้องผ่าตัดใหญ่”

“โธ่...” มุกรินครางออกมาอย่างสะเทือนใจ

“มุก...ผมไม่ได้ดีใจหรอกนะที่พักตราเป็นอย่างนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง และความจริงที่เกี่ยวข้องระหว่างผมกับพักตราก็คือ ผมจะไม่มีพันธะอะไรกับเธออีกแล้ว ทุกอย่างใกล้จะจบแล้วนะมุก ถ้ามุกไม่รังเกียจผม”

“ไม่ใช่เวลาที่เราจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้นะคะ”

“ผมรู้...เมื่อผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราค่อยคุยกัน...อย่าเพิ่งทิ้งผมไปนะมุก”

มุกรินค่อยๆวางโทรศัพท์ลงเงียบๆงันๆ โดยไม่พูดอะไรเลย...

ooooooo

ที่โถงหน้าห้องผ่าตัด อรรถพูดกับคิมหันต์โดยไม่มองหน้าว่า

“ถ้าไม่ได้เธอ ลูกสาวฉันก็คงตายอยู่ในรถแท็กซี่นั่นแหละ...ขอบใจนะ”

คิมหันต์ไม่พูดเรื่องพาพักตรากลับมา แต่พูดเรื่องการผ่าตัดว่าคงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็เช้าพอดี อรรถบอกว่าต้องอยู่ไอซียูอีกคืนหนึ่ง พักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกประมาณเจ็ดวัน คิมหันต์จึงเอ่ยว่า

“หลังผ่าตัดเสร็จ ผมต้องขอคุยกับท่าน”

“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดเรื่องอะไร ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหม ขอดูอาการหลังผ่าตัดอีกสักพักเถอะ ไหนๆเธอช่วยชีวิตลูกสาวฉันแล้ว ก็ขอให้ช่วยตลอดเถอะนะ” เจอไม้นี้ คิมหันต์ก็พูดไม่ออก “เธอไปนอนรอที่ห้องพักก่อนก็ได้ ฉันเปิดไว้ให้แล้ว”

เมื่อคิมหันต์เดินออกไป อรรถนั่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพังต่อไปตรงนั้น...

เช้าวันรุ่งขึ้น ไสวกับถวิลเห็นว่าสายแล้วธาดายังไม่ลงมา จึงชวนกันขึ้นไปดู ไสวให้ถวิลนำหน้าไปที่ห้อง พอถวิลเปิดประตูห้องก็ร้องกรี๊ดจนไสวผงะ

อึดใจเดียว คิมหันต์ที่พักอยู่ห้องพักที่คลินิกก็ได้รับ โทรศัพท์จากไสวว่า ธาดาผูกคอตาย! ไสวละล่ำละลักเล่าว่า

“ผูกคอตายกลางห้องเลยครับ ห้องคุณมลน่ะครับ ยายหวินเปิดประตูเข้าไปเจอแทบช็อกเลยครับ”

“ฉันจะเข้าไปที่บ้านเดี๋ยวนี้แหละ น้าไหวอย่าเพิ่งบอกใครนะ” ไสวบอกว่าแจ้งตำรวจไปแล้ว ตอนนี้พวกมูลนิธิกับนักข่าวมากันเต็มบ้านแล้ว “ฉิบหายเอ๊ย!” คิมหันต์สบถเครียด

ooooooo

คิมหันต์ออกจากห้องพักเดินเร็วๆผ่านห้องโถงที่ทีวีกำลังรายงานข่าวการผูกคอตายของธาดาซึ่งได้รับความสนใจจากคนในห้องโถงโรงพยาบาลอย่างมาก

พิธีกรรายงานว่า ธาดาเป็นสามีของวิมลรัตน์ที่เพิ่งล่วงลับ รายงานสภาพศพว่าผูกคอตายอยู่ในห้องนอนเดิมของตัวเอง แล้วตั้งข้อสังเกตว่า

“นายคิมหันต์อาจจะอยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่การฆาตกรรม แต่ก็อาจจะมีเหตุจูงใจมาจากเขาได้”

คิมหันต์ได้ยินชัดเจน เขาหน้าเครียดทันที พิธีกรยังรายงานทางด้านคดีว่า คิมหันต์ฟ้องเอาผิดธาดาในคดีฆาตกรรมพี่สาวเขา และรายงานว่าคิมหันต์ทำการกดดันธาดาตลอดเวลา นับแต่การประกาศถอนหมั้นน้องสาวเขาต่อหน้าสาธารณะ

คิมหันต์ติดตามการรายงานข่าวจนขับรถไปถึงบ้านวิมลรัตน์ การรายงานก็ยังไม่จบ...

“จากนั้นก็ไล่ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพี่สาวกลับคืนมาเป็นของตน จนนายธาดาต้องออกจากบ้านไปเช่าบ้านอยู่เพียงลำพัง จึงมีความเป็นไปได้ว่านายธาดาอาจถูกบีบคั้นจนถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตาย”

คิมหันต์เดินขึ้นบันไดสวนกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิหามศพธาดามีผ้าขาวคลุมลงมา เขาเปิดผ้าดูหน้าธาดาที่ไร้ลมหายใจแล้วปิดไว้ตามเดิม ในขณะที่ทีวีก็ยังรายงานข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง...

“และหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนสมมติฐานนี้ก็คือคลิปวีดิโอที่นายธาดาบันทึกไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือของเขาและได้ถูกอัพโหลดขึ้นยูทูบเมื่อเวลาประมาณตีสี่ นั่นคือเวลาก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย...และขณะนี้ สังคมออนไลน์กำลังเปิดดูและแชร์คลิปนี้ไปทั่ว ซึ่งเราจะนำเอาบางส่วนของคลิปนั้นมาประกอบการเล่าข่าวนี้ด้วย ไปชมพร้อมๆกันครับ”

คลิปวีดิโอที่ธาดาอัดไว้เปิดขึ้นทันที เป็นภาพที่ธาดาพูดกับกล้องมือถือ...

“ผมไม่แน่ใจว่า ณ เวลานี้ ภาพการสารภาพของผมในคดีที่จบไปแล้วจะถูกเผยแพร่ออกไปหรือยัง...แต่ผมขอใช้โอกาสนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมยังมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้...”

กลายเป็นภาพธาดาจ้องจากจอทีวีตาไม่กะพริบ พร้อมกับการบอกเล่าครั้งสุดท้ายอย่างมีอารมณ์ของเขา...

มุกรินนั่งจ้องใบหน้าธาดาในทีวี ฟังพี่ชายพูดด้วยสีหน้าเครียดจัด

“เพื่อความเป็นจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคำสารภาพนั้น มันเป็นความจริงที่โหดร้ายที่จะไม่มีใครได้รู้เลย ถ้าผมไม่พูดมันออกมา...ผมถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นฆาตกร มันบังคับให้ผมพูดว่าผมเป็นคนฆ่าเมียตัวเอง มันข่มขู่ผมด้วยวิธีโหดร้ายสารพัด มันคือไอ้คิมหันต์ สุริยะศักดิ์ น้องเมียผมเอง”

คิมหันต์ไปยืนอยู่ในห้องนอนวิมลรัตน์ จ้องมองบ่วงที่ธาดาผูกคอตายหน้านิ่ง...ในขณะที่ธาดายังเล่าด้วยอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...

“ไอ้คิมหันต์วางแผนกับเสี่ยเจ้าของบ่อนหลอกให้ผมเป็นหนี้ และข่มขู่จะทำร้ายน้องสาวผม เพื่อให้ผมยอมรับว่าเป็นผู้ทำฆาตกรรมวิมลรัตน์เมียของผม...ทั้งๆ ที่ศาลก็ได้ยกฟ้องคดีนี้ไปแล้ว มันก็ยังไม่ยอมเลิก...เมื่อผมไม่ยอมสารภาพอย่างที่มันต้องการ มันก็ทุบตีผม ทำร้ายผม รอยแผลยังเห็นอยู่ที่นี่ แต่ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง เท่าชีวิตของน้องสาวผม มุกริน...ผมจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องเธอ...”

ขณะนั้นเอง ชุมสายเดินเข้ามาในโถงบ้านวิมลรัตน์ เห็นไสวกับถวิลดูทีวีข่าวนี้อยู่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก...

“ผมขอยืนยันว่า ในระหว่างที่ผมบันทึกภาพและเสียงนี้ ผมอยู่ในภาวะปกติทุกประการ...และทุกข้อความของผม ผมได้เขียนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรบนกระดาษแผ่นนี้ด้วย”

ธาดาชูกระดาษให้ดู ชุมสายเดินเข้ามาถามทั้งสองว่า คิมหันต์อยู่ไหน ถวิลบอกว่าอยู่บนห้อง สั่งห้ามใครไปรบกวน เป็นอันขาด ในขณะที่ธาดาในจอทีวียังคงเล่าต่อไปว่า

“ผมกราบขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่และผู้ใจบุญทุกคน ช่วยกรุณาเผยแพร่คลิปนี้ เพื่อเห็นแก่ความยุติธรรมและความถูกต้องของสังคมด้วย” แล้วเขาก็เปลี่ยนเป็นพูดกับมุกรินเป็นการเฉพาะ “มุก...พี่เสียใจที่มีโอกาสอยู่กับมุกได้เพียงเท่านี้ ขอให้การจากไปของพี่จงเป็นเครื่องเตือนสติให้มุกรู้ว่า อย่าไว้ใจไอ้คิมหันต์เป็นอันขาด”

มุกรินน้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจหยุดได้...มองหน้าพี่ชายในทีวีที่กำลังพูดกับตน...ผ่านม่านน้ำตา...

“มันจะนำความอัปมงคลมาสู่มุก ชีวิตมุกจะถูกดึงไปตกนรกหมกไหม้กับมัน ซึ่งพี่ไม่ปรารถนาให้เป็นอย่างนั้น...”

ทันใดนั้นเองมือถือของมุกรินดังขึ้น เธอหยิบดูปรากฏชื่อคิมหันต์อยู่หน้าจอ เธอปามือถือทิ้งไปไกลตัว

อย่างรังเกียจ พอดีธาดาเอ่ยขึ้นว่า “ลาก่อนนะมุกริน... น้องรักของพี่...” มุกรินร้องไห้โฮออกมาทันที

จากนั้นธาดาเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงเป็นพูดกับคิมหันต์โดยตรง!

“และสำหรับมึง คิมหันต์ จำไว้ด้วยว่า คนบริสุทธิ์ ย่อมบริสุทธิ์เสมอไม่ว่าเป็นหรือตาย ส่วนคนโง่ๆอย่างมึงไม่มีวันชนะกูหรอก ไอ้คิม!”

คิมหันต์ที่ดูทีวีอยู่ เขาปิดโทรทัศน์ทันทีด้วยสีหน้าเครียดจัด

ooooooo

ในวันที่ตำรวจนำร่างธาดาไปเพื่อผ่าชันสูตรนั้น มุกรินไปนั่งรอรับร่างพี่ชายในสภาพร่างกายทรุดโทรม ใบหน้าหมองคล้ำ ดวงตาบอบช้ำเพราะร้องไห้หนักมาทั้งคืน

คิมหันต์เข้ามานั่งข้างหลังเธอเงียบๆ แล้วจึงเอ่ยเบาๆ “ผมโทร.หามุก แต่มุกไม่รับโทรศัพท์ผมเลย” มุกริน ถามเสียงแข็งโดยไม่หันมองว่ายังกล้ามาที่นี่อีกหรือ คิมหันต์บอกว่าตนอยากอธิบาย มุกรินบอกว่าไม่จำเป็น เขาบอกว่าอยากให้เธอเข้าใจ เธอสวนทันทีว่า “ฉันไม่อยากฟัง”

เมื่อปฏิเสธอย่างไรคิมหันต์ก็ยังพยายามจะพูด มุกรินตวาดไล่ก็ไม่ไป เธอหันไปตบหน้าเขาฉาดใหญ่ คิมหันต์ก็ยังจะชี้แจงอีก เป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง มุกรินตวาดเสียงดังขึ้นทุกที จนสุดท้ายเธอพูดเกือบเป็นเสียงตะโกนว่า

“ออกไป ออกไปให้พ้น คุณคือคนที่ฉันเกลียดที่สุด คิมหันต์ เราหมดเวรหมดกรรมกันเสียที”

เจ้าหน้าที่สองสามคนเข้ามาพาตัวคิมหันต์ออกไป ก็พอดีปรารภมาถึง

“มุก...ก่อนคุณจะตัดสินผม ขอให้ฟังคำสารภาพจากผมก่อนนะมุก ได้โปรด” คิมหันต์หันมาพูด ถูกมุกรินไล่ตะเพิดให้ออกไป ปรารภรีบมาประคองมุกรินไว้ด้วยความห่วงใย บอกเธอว่าเจ้าหน้าที่ต้องผ่าพิสูจน์ศพอีกสองวันจึงจะส่งให้เราไปประกอบพิธีได้ มุกรินน้ำตาไหลพรูออกมาอีกครั้ง เธอพูดทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า

“พี่รภคะ ช่วยมุกด้วยนะคะ ทำยังไงก็ได้ อย่าให้ผู้ชายคนนั้นมาใกล้มุกอีกนะคะ พี่รภ...”

ปรารภพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ

ooooooo

ออกจากมุกริน ขณะนั่งอยู่ในรถ คิมหันต์ได้รับโทรศัพท์จากดวงดาว เขาทักว่า นึกแล้วว่าเธอต้องโทร.มาด่าตน

ดวงดาวยืนโทรศัพท์อยู่ที่ชายทะเล เธอร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน ร้องจนคิมหันต์บอกว่าตนรอฟังอยู่ เธอจึงพรั่งพรูความรู้สึกออกมาอย่างไม่เก็บกลั้นอีกแล้วว่า...

“ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีครั้งไหน ที่ตัดสินใจผิด ทุกการกระทำของฉันเป็นผลดีกับตัวฉันเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ยกเว้นครั้งนี้ ฉันต้องยอมรับว่าฉันมองคนผิด ผิดไปมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างเรามันล้มเหลวมากเกินกว่าคำว่าเสียใจหรือเสียดาย มันคือ ความโกรธ ความน่าขยะแขยง อย่างน่ารังเกียจที่สุด จากนี้ไปฉันขอให้คุณจงพบแต่ความฉิบหายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ขออย่าให้มีใครต้องพบเจอกับคนเลวร้ายอย่างคุณ ขออย่าให้มีใครหลงเป็นเหยื่ออารมณ์ของผู้ชายเลวๆอย่างคุณอีกเลย”

คิมหันต์นิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก

“ถ้าฉันอยู่ในระยะที่มือฉันเอื้อมถึง ฉันคงจะตบหน้าคุณเต็มแรง มากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ไม่เป็นไร เพราะฉันเชื่อว่า มุกรินคงทำหน้าที่นี้แทนฉันแล้ว รีบไปลงนรกไกลๆ ฉันเถอะ นายคิมหันต์!” ดวงดาวกดตัดสายทันทีที่พูดจบ เธอทรุดนั่งกับพื้นทรายร้องไห้น้ำตาทะลัก...

คิมหันต์ยังนั่งอึ้งอยู่ในรถ ชุมสายเข้ามานั่งด้วย บอกว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรเขา แต่อาจเรียกตัวไปสอบปากคำก่อน เพราะถึงอย่างไรคลิปที่ธาดาพูดก็พาดพิงถึงเขา เจ้าหน้าที่ก็ต้องนำมาสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกที

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 14 วันที่ 10 ต.ค. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ