อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

วันนี้ดวงดาวไปบาร์ที่ทำงานแต่เช้า บ๋อยถามว่ามาเอาของหรือ บอกว่าตอนเธอไม่อยู่มีแขกมาถามหาอื้อเลย

“ถามจริง?” ดวงดาวทำหน้าไม่เชื่อ บ๋อยยืนยัน

ว่าจริง ถามว่าไม่เปลี่ยนใจเล่นที่นี่ต่อหรือ “ต้องถามพี่จ๋ายพี่เขาไม่เล่นดาวจะเล่นได้ไง” บ๋อยเสนอให้แยกวง ดวงดาวตอบอย่างไม่แยแสว่า “ไม่ใช่นิสัยของฉัน...ไปนะ”

แต่ไม่ทันก้าวเดิน ธาดาก็มาเผชิญหน้า ดวงดาวถามว่าเด็กที่ร้านบอกหรือว่าตนจะมาวันนี้ แล้วเขาไม่ได้บอกหรือว่าตนมาเอาของแป๊บเดียวแล้วจะรีบไป พูดแล้วเบี่ยงตัวเดินผ่านหน้าธาดาจะออกไป เขาบอกเดี๋ยวสิ ดวงดาวมองหน้าพูดอย่างห่างเหินว่า “เราเลิกกันแล้วค่ะอา”



“เลิกเมื่อไหร่ อายังไม่อยากเลิก”

“ทันทีที่อาใช้ความรุนแรงกับหนู เราก็จบกันตามสัญญา” ธาดาอ้อนว่าเราก็เริ่มต้นกันใหม่ได้นี่ “อย่าเสียเวลาดีกว่า ปล่อยหนูเถอะค่ะ เพื่อนหนูรออยู่”

“เพื่อนหรือใคร ดาวจะหนีตามผู้ชายไปใช่ไหมบอกอามาตรงๆดีกว่า”

“ไม่ทันไรเลย พูดจาดูถูกหนูอย่างนี้อีกแล้ว ไหนว่าจะไม่ทำให้ดาวเสียใจอีกแล้วไง... เลิกก็คือเลิก ทางใครทางมันดีกว่าค่ะอา แต่ถ้าอายังต้องการหนู อาก็ปรับปรุงตัวใหม่ แล้วค่อยมาจีบหนูใหม่ก็แล้วกัน” ดวงดาวสะลัดแขนเดินออกไปหน้าร้าน ธาดาตามตื๊ออีก แต่ถูกคิมหันต์เดินออกมาขวางประตูบอกว่าเด็กเขาไม่เล่นด้วยแล้วยังจะตื๊อไม่เลิกอีกหรือ...ผู้เฒ่าเอ๊ย...”

ดวงดาวบอกธาดาว่าตนไม่ได้นัดคิมหันต์มานะ คิมหันต์พูดยั่วว่า ใช่แต่ใจเราถึงกัน ตนรู้สึกว่าเธอน่าจะกำลังต้องการตนอยู่ ดวงดาวถามว่าใครบอกคุณ! คิมหันต์ตอบห่วงๆกวนๆว่า

“ผมจะขับรถไปส่งให้ไง ไม่ดีเหรอ ผู้หญิงคนเดียวเดินทางไกล อันตรายนะ”

“มึงเลิกยุ่งกับดวงดาวเดี๋ยวนี้นะ” คิมหันต์ถามว่าเป็นพ่อเธอหรือถึงได้มาสั่ง ธาดาเดือดตวาด “มึง!!!” คิมหันต์ถามว่ามึงจะทำอะไรกู ธาดาตวาดลั่น “กูจะฆ่ามึง!!” แล้วกระโจนเข้าใส่ทันที เลยตะลุมบอนกันคลุกฝุ่น บ๋อยพยายามเข้าห้าม ดวงดาวหันมองเซ็งๆแล้วเดินออกจากร้านไปอย่างไม่แยแส

“ดาวจะทิ้งอาไปก็ได้ แต่ดาวอย่าไปยุ่งกับคนอย่างไอ้คิมได้ไหม” ธาดาตะโกนตามหลัง คิมหันต์เย้ยว่า เสียใจด้วยไม่ทันแล้วล่ะ ธาดาชี้หน้าด่า “มึงมันเลวไอ้คิม มึงไม่ตายดีแน่จำไว้”

“คอยดูก็แล้วกัน ว่าใครกันแน่ที่จะไม่ตายดี” คิมหันต์ท้าทายแล้วออกจากร้านตามดวงดาวไป

ooooooo

ดวงดาวเดินดุ่มๆอยู่ริมถนน คิมหันต์โฉบรถเข้าไปชะลอถามว่าจะเดินไปถึงไหน ขึ้นรถมาเถอะตนไปส่งให้เอง

“ฉันบอกเหรอว่าจะให้คุณมาส่ง ฉันบอกว่าจะแวะมาเอาของแล้วจะไปเอง คุณตามมาทำไม!”

“ก็แค่อยากมา” คิมหันต์ตอบแบบเด็กเกเร ดวงดาวหยุดเดินยืนปักหลักด่า “อยากมาเจอนายธาดาใช่ไหม คุณจงใจที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหม อาธาดาเขาย่ำแย่จนถึงขนาดนี้แล้วคุณยังไม่พออีกเหรอ ยังไม่เลิกอีก ยังไม่หายแค้นใช่ไหม หรือต้องการให้เขาลงไปดิ้นตายต่อหน้าต่อตาคุณ”

“ก่อนตายมันต้องรับโทษก่อน”

“งั้นทำไมคุณไม่อยู่เฉยๆ รอให้ศาลพิพากษาล่ะ ที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้มันเดือดร้อนคนอื่นไปหมด ต้องให้บอกไหมว่าใครบ้าง? ทั้งมุกริน ทั้งพักตรา พวกเขาต้องช้ำใจกับพฤติกรรมของคุณขนาดไหน” คิมหันต์ถามว่าแล้วเธอล่ะ? “เล็กน้อยมากสำหรับฉัน เมื่อเทียบกับสองคนนั้น เลิกเถอะ แยกย้ายกันไปสร้างชีวิตตัวเองให้งดงามเถอะค่ะคุณคิมหันต์”

ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างอ่านใจ...วัดใจ...แล้วจู่ๆ ดวงดาวก็วิ่งไปอาเจียนข้างทาง คิมหันต์จะไปช่วย เธอบอกว่าช่วยตัวเองได้ พออาเจียนเสร็จแท็กซี่ผ่านมาพอดีเธอโบกแท็กซี่แล้วขึ้นนั่งทันที

“แน่ใจหรือที่เลือกแบบนี้”

“ฉันต้องการเวลาอยู่กับตัวเองสักพักไม่จำเป็นอย่าติดต่อฉันอีกนะขอร้อง” ดวงดาวปิดประตูรถแล้วบอกให้ไปเลย

ooooooo

ขณะที่มุกรินอยู่ที่บ้านสวนบริษัทใหม่ของปรารภ ธาดาโทร.หาเธอ มุกรินถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ไอ้คิมมันเลว มันคบกับดวงดาว มันสองคนนัดกัน...ดาวทิ้งพี่แน่นอนแล้วมุก” มุกรินบอกว่าตนจะลองถามดวงดาวดูอีกที “ไม่จำเป็น พี่แค่โทร.มาบอกให้มุกรู้ถึงความเลวร้ายของไอ้คิม มันจงใจทำลายทุกอย่างที่พี่รัก มุกอย่าหลงเชื่อมันแม้แต่นิดเดียวนะ”

“แล้วตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ไหนคะ”

“พี่กำลังหาทางใช้หนี้อยู่ อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พี่ต้องทำให้ได้มุก” ธาดากดตัดการติดต่อแล้วนิ่งหน้าเครียด มุกรินวางโทรศัพท์ลงนั่งเครียดเป็นห่วงพี่ชาย จนปรารภมาถามว่าเหม่ออะไรไม่ทราบ ทักว่าดูเธอเหนื่อยๆนะ วันนี้เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ มุกรินติงว่าเพิ่งจะบ่ายเอง

“เราเป็นเจ้าของบริษัทเอง เราจะทำกี่โมงเลิกกี่โมงเรากำหนดเองได้กลัวอะไร ไม่มีซีอีโออย่าง ยัยพักตรามคอยจ้องจับผิดสักหน่อย” งั้นมุกเก็บของนะ “จ้ะอ้อ นี่เงินเดือนของมุก พี่จ่ายก่อนเลย พี่ให้เท่ากับ ที่มุกเคยได้รับ แต่ยังไม่นับส่วนแบ่งกำไรของแต่ละโปรเจกต์นะ”

มุกรินติงว่าเขาให้มากเกินไปแล้ว ปรารภบอกว่าตนมีพนักงานคนเดียวให้มากกว่านี้ก็ยังได้ แล้ววกมาถามว่าจะไม่บอกใช่ไหมว่ามุกไปพักที่ไหน เธอบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่จะบอกเอง

“งั้นทานข้าวเย็นกันก่อนกลับได้ไหมครับ”

มุกรินยิ้มรับ

ooooooo

ธาดานัดพบบรรเจิดอีกครั้ง คราวนี้ถูกบรรเจิดปรามว่าหากยังนัดพบตนอีกครั้งหลังจากนี้เขาจะถูกขึ้นบัญชีเป็นคนน่ารำคาญสำหรับตน ธาดาบอกว่าถ้าไม่จำเป็นตนก็ไม่มาหรอก

บรรเจิดถามว่าก่อคดีอีกหรือไง ธาดาบอกว่าตนอยากติดต่อ เสธ. บรรเจิดบอกว่าเสียใจเพราะ เสธ.ขึ้นบัญชีเขาเป็นคนน่ารำคาญนานแล้ว แต่พอธาดาบอกว่าตนอยากทลายบ่อน บรรเจิดมองขวับถามทึ่ง “ว่าไงนะ?!”

ธาดาบอกว่าตนเป็นหนี้เสี่ยสามสิบ ถูกมันไล่บี้ บอกบรรเจิดว่าถ้า เสธ.ช่วยส่งคนไปพังบ่อนมันทุกอย่างก็จะจบ มันเป็นแค่บ่อนเล็กๆ ไม่มีอิทธิพลอะไรมากมาย

“คุณรู้ได้ยังไงไม่ทราบ” บรรเจิดหางตาใส่ “คุณพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ ทุกคนล้วนมีแบ็กด้วยกันทั้งนั้น คนนอกอย่างคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าแบ็กใครแข็งกว่าใคร เพราะฉะนั้นคิดจะพูดอะไรจะทำอะไรดูหน้าดูหลังให้ดีเสียก่อน” มองหน้าธาดาถามว่าเขามีเท่าไหร่ ธาดาถามว่าอะไรเท่าไหร่? “หน้าตักของคุณน่ะ มีแค่ไหน คิดจะไปเสี่ยงกับเขา วงการนักเลงเขาไม่หักกันด้วยเรื่องโง่ๆแบบนี้หรอก ผมตอบแทน เสธ.ได้เลยว่า ท่านไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด”

ธาดาถูกสอนมวยจนก้มหน้านิ่ง บรรเจิดย้ำว่า

“จำที่ผมพูดเรื่องกรรมได้ไหม เมื่อทำอะไรไว้โดยไม่รู้จักยั้งคิด ถึงเวลาใช้กรรม ก็ต้องค่อยๆใช้ไปมันเป็นกรรมของคุณไม่เกี่ยวกับผม ไม่เกี่ยวกับ เสธ...กินอะไรไหม ผมเลี้ยงเอง มื้อสุดท้ายระหว่างคุณกับผมนะ”

ท่าทีที่ชัดเจนของบรรเจิด ทำให้ธาดาทำได้แค่นิ่ง...มืดแปดด้าน...

ooooooo

วันนี้มุกรินกลับถึงบ้านก็แปลกใจเมื่อเห็นรถของคิมหันต์จอดอยู่หน้าบ้าน เธอถามเขาว่าไม่มีที่ไปจริงๆหรือ? หรือว่าเพิ่งกลับจากส่งดวงดาว?

คิมหันต์มองหน้าถามว่าพี่ชายเธอโทร.มาฟ้องล่ะสิ มุกรินบอกว่าตนรู้ว่าดวงดาวชอบเขาโดยไม่มีอะไรเกินเลยไปไกล แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คิมหันต์ตัดบทถามว่าแล้วคืนนี้จะให้ตนเข้าบ้านไหม

“เข้ามา แล้วปิดประตูให้ด้วย” มุกรินบอกแล้วเดินเข้าบ้าน คิมหันต์จะไปเลื่อนรถก็พอดีมีสายเข้ามือถือเขา เป็นสายจากปริมโทร.มาบอกว่าพักตรากลับมาแล้ว และตอนนี้เขาควรจะมาดูเธอหน่อยเพราะมีเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ก็คงเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม ผมไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำไม่ต้องไปด้วย”

พอปริมบอกว่าเป็นคำสั่งของพลโทอรรถ คิมหันต์ก็เงียบ วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเขาก็โทร.บอกมุกรินว่าคืนนี้ไม่รบกวนเธอแล้ว แต่บอกเล่าให้ฟังว่า

“ผมอยากบอกคุณว่า กับดวงดาวน่ะ ผมแค่สนใจการใช้ชีวิตของเขา ออกจะสงสารเขาด้วยซ้ำที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอย่างธาดา และที่สำคัญเขาคอยช่วยเหลือผมให้ลงเอยกับมุกมาตลอดนะ” มุกรินบอกว่าตนรู้ “แต่คุณก็สงสัยผม”

คิมหันต์สวนทันควัน มุกรินไม่ตอบโต้ตัดบทว่า “ขับรถดีๆนะคะ ฉันจะล็อกบ้านละ”

คิมหันต์ขับรถไปด้วยความเครียด จนถึงบ้านพักตรา เจอปริมรออยู่เธอขอบคุณที่เขากรุณามา คิมหันต์ถามว่าตนจะทำอะไรได้บ้าง

“คุณพักตราขังตัวเองอยู่ในห้องค่ะ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่ยอมเปิดประตู ไม่ยอมบอกด้วยว่าร้องไห้ทำไม” คิมหันต์ถามว่าแค่นี้หรือ ปริมบอกว่า “เธอถือปืนเข้าไปในห้องด้วยค่ะ แล้วตะโกนว่า อยากตาย...”

ooooooo

พักตราปิดประตูขังตัวเองในห้องไม่ยอมเปิดประตู คิมหันต์ต้องร้องบอกว่า

“ผมเองนะพักตร์” เธอจึงนิ่งฟัง “พักตร์เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อย มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้ อย่าเพิ่งทำร้ายตัวเองนะพักตร์...พักตร์...คุณได้ยินผมไหม... พักตรา...”

พอมีเสียงปลดล็อกประตู ปริมบอกคิมหันต์ให้เข้าไปคนเดียวตนจะรออยู่ข้างล่าง คิมหันต์จึงเปิดประตูเข้าไป เขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง จนเจอพักตรานั่งยิ้มอยู่ที่โซฟา คิมหันต์ปั้นยิ้มตอบ

“ดีใจจังที่ได้เห็นคิม คิมมาหาพักตร์จริงๆด้วย คิมมาเองหรือนายพลอรรถบอกให้มาคะ”

“ผม...มาเอง”

พักตราน้ำตาไหลพรากรำพันความคิดถึงเขาจนคิมหันต์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมร้องไห้ขนาดนี้ พักตราถามว่าเขาเป็นห่วงตนหรือ คิมหันต์บอกว่าไม่ใช่แค่ตนแต่ทุกคนเป็นห่วงเธอรวมทั้งปริมและพ่อเธอด้วย

พอเอ่ยถึงพ่อเท่านั้น พักตราก็ของขึ้นทันที

พูดเกือบเป็นคำราม “พ่อ!” จนคิมหันต์ต้องแอบหยิบปืนออกห่างตัวเธอ พูดอย่างอ่อนโยนให้เก็บปืนเสีย แล้วเล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น ไหนว่าจะไปหาพ่อเดือนหนึ่งไม่ใช่หรือ?

เป็นคำถามที่แทงใจดำ เธอพรั่งพรูความอัดอั้นออกมาราวกับน้ำป่าที่ทะลักจากภูเขาพักตราพูดอย่างเจ็บปวดว่าไม่มีใครจริงใจ

กับตนเลย มีแต่คนหลอกลวงตน โดยเฉพาะพ่อนี่แหละตัวดี หลอกตนมาตลอด ถามคิมหันต์ว่ารู้ไหมว่าตนไปเจออะไรมา ตนไม่คิดเลยว่าพ่อจะทำอย่างนี้ลับหลังตนลับหลังแม่

“พักตร์ฟังพ่อก่อน” เสียงอรรถโพล่งขึ้นพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา พักตราตะโกนลั่นไม่อยากฟังไม่อยากเห็นหน้าพ่อพ่อก็ไม่ต่างจากผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง เพราะพ่อเป็นอย่างนี้แม่ถึงได้ช้ำใจตาย “หยุดก่อนพักตร์ให้โอกาสพ่อได้อธิบายบ้างสิ”

“พักตร์ไม่ต้องการคำอธิบาย...ทุกคนฟังนะ คุณปริมฟังด้วย พ่อแอบมีเด็กผู้หญิง เขาโกหกทุกคน

ว่าไปทำงาน แต่พักตร์ไปเห็นกับตามาแล้ว เขานอนกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าพักตร์อีก ตั้งสองคน...ผู้หญิงสองคนนอนแก้ผ้าอยู่กับพ่อบนเตียง จะให้พักตร์เข้าใจว่า

ยังไง เนี่ยเหรองานของพ่อ ที่ต้องไปทำถึงฝรั่งเศส”

พักตราระบายอารมณ์ออกมาพูดจนแทบไม่ได้หายใจ อรรถฟังแล้วพูดไม่ออก ปริมยืนอึ้ง พักตราหันถามพ่อว่า

“แล้วรีบกลับมาทำไมล่ะคะพ่อ จะรีบกลับมาเคลียร์เหรอ...นี่ถ้าพักตร์ไม่โผล่ไปเห็น พ่อก็คงอยู่กันเป็นเดือนๆ กับอีเด็กนั่นใช่ไหม แล้วอย่างนี้พักตร์จะเชื่อใจพ่อได้ยังไง พักตร์จะเชื่อ ได้ยังไงว่าพ่อทำทุกอย่างเพื่อพักตร์ พ่อทำเพื่อสนองตัณหาของพ่อเองต่างหาก พ่อไม่นึกถึงแม่บ้างเลย ไม่นึกถึงคุณปริมเลย”

ปริมที่ยืนอึ้งแต่แรก ค่อยๆถอยออกจากห้องไป อรรถเรียกแต่เธอทำหูทวนลม ในขณะที่พักตราก็ตะโกนไม่หยุด

“หนูเกลียดพ่อ...หนูเกลียดพ่อแบบนี้ที่สุด!”

“พักตร์จะโกรธจะเกลียดพ่อยังไงก็ได้ พ่อไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะอาจจะมีบางเรื่องที่พ่อทำไม่ถูก พ่อทำไม่ดีก็จริง...แต่ถ้าเป็นเรื่องของลูก พ่อถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญที่สุดที่พ่อต้องทำเพื่อลูกก่อนเสมอ”

“พักตร์ไม่เชื่อ!” พักตราตะเบ็งใส่หน้า

“ตามใจ... แค่พ่อเห็นว่าลูกกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยพ่อก็ดีใจแล้ว... เรื่องของพ่อ เอาไว้อารมณ์ดีๆ แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่นะ”

“ไม่ค่ะ พักตร์จะไม่พูดกับพ่ออีกต่อไปแล้วค่ะ”

อรรถค่อยๆเดินออกไป ก่อนพ้นประตูเขาหันบอกคิมหันต์ว่า

“อยู่กับลูกสาวฉันก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

ooooooo

ปริมออกมายืนที่หน้าบ้าน ทอดสายตาไปอย่างไร้เป้าหมาย อรรถเดินมาข้างหลังเรียกเบาๆ ปริมเอ่ยขึ้นก่อนว่าท่านไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ตนเข้าใจแล้ว...

“ปริมเข้าใจว่ายังไง”

“ท่านอยู่สูงกว่าปริมมาก ท่านเลือกได้ว่าอะไรที่ทำให้ท่านมีความสุข ซึ่งต่างจากปริม...” อรรถบอกว่าไม่จริง “จริงค่ะที่ผ่านมาปริมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าที่ทำให้ท่านมีความสุข แต่เมื่อท่านมีทางเลือกอื่นๆมากกว่าปริม คุณค่าของปริมก็ต้องน้อยลงเป็นธรรมดา”
“ไม่จริงหรอก...อย่าคิดอย่างนั้นสิ”

“ปริมดีใจนะคะที่มีโอกาสได้ดูแลท่าน แต่วันนี้ปริมขอเลือกเท่าที่ปริมจะเลือกได้...” อรรถมองหน้าถามว่าเลือกอะไร? “ปริมขอไปจากตรงนี้ค่ะ ขอบคุณที่ท่านเมตตาปริมมาตลอด หมดเวลาที่ปริมจะรับใช้ท่านแล้วค่ะ”

ปริมไหว้อรรถอย่างสวยงามแล้วเดินจากไป...

ครู่ใหญ่ คิมหันต์เดินลงบันไดมา เห็นอรรถในมือถือแก้วเหล้านั่งอยู่ในมุมมืดๆ เขาได้ยินเสียงคิมหันต์ลงมาถามว่าพักตราหลับแล้วหรือ คิมหันต์บอกว่าหลับแล้ว และตนเห็นปริมถือกระเป๋าเดินออกไปแล้วด้วยเช่นกัน

“เขาไปแล้ว...ผู้ชายเรามักจะเป็นอย่างนี้ มองข้ามของดีๆใกล้ตัว ไขว่คว้าหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว สิ่งที่เป็นของปลอมไม่จีรัง สุดท้ายของดีๆที่อยู่กับเรา ก็ทิ้งเราไปหมด นายคงไม่ทำอย่างนี้กับลูกสาวฉันนะ”

“ผมทำอย่างนี้กับมุกรินไปแล้วครับ” คิมหันต์ตอบอย่างเหม่อลอยอรรถรินเหล้าใส่อีกแก้วให้คิมหันต์ ถามเขาว่าคืนนี้นอนที่นี่ได้ไหม คิมหันต์ได้แต่นิ่ง

“ฉันไม่นึกเลยว่าวันนึงฉันต้องนั่งดื่มกับนายในอารมณ์แบบนี้...ฉันเคยใช้ความยิ่งใหญ่ของฉันบังคับ บีบคั้นนายทุกอย่างเพื่อให้นายมาเป็นลูกเขยฉัน แต่วันนี้...สิ่งที่ฉันจะพูดกับนายวันนี้ มันคือขอร้อง...เป็นคำขอร้องของชายชาติทหารสูงวัยคนหนึ่ง ที่ขอให้นายอยู่กับลูกสาวฉันอย่าทิ้งพักตรานะ ขอร้องเถอะนะไอ้ลูกชาย พักตราไม่มีใครแล้ว แม้แต่พ่อคนเดียวของเธอ เธอก็ไม่รู้สึกว่ามี...เธอไม่มีใครจริงๆ เหมือนที่ฉันก็ไม่มีใครแล้วเหมือนกัน...”

อรรถถือแก้วเหล้าออกไปยืนดื่มนอกห้อง คิมหันต์จึงหยิบมือถือโทร.ถึงมุกริน เธอนึกว่าเขาจะกลับมาบอกว่าที่นอนและผ้าห่มวางไว้ที่โซฟาแล้ว คิมหันต์บอกว่าตนมาไม่ได้ เพียงแต่โทร.มาถามว่าเธออยู่คนเดียวได้ไหม

“ถ้าฉันบอกว่าอยู่ไม่ได้ คิมจะทำยังไง? ผู้ชายมักจะมีคำถามแบบนี้เสมอ คำถามที่ตัวเองเลือกคำตอบในใจไว้แล้ว”

“เรื่องราวของผมมันคงซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค” มุกรินบอกให้เขาแบ่งพูดวันละประโยคก็ได้ ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย คิมหันต์นิ่งไปอึดใจแล้วตัดบท “นอนหลับฝันดีนะ แล้วผมจะหาโอกาสไปหาคุณ อย่าลืมว่าคิดถึงผมก่อนนายปรารภเสมอนะมุก” พูดจบก็กดวางสายเลย

มุกรินค่อยๆวางมือถือลง เธอรู้สึกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวไม่น้อย...

ooooooo

คืนนี้พักตราตื่นมาลุกไปอาเจียนในห้องน้ำแล้วกลับมานอน เธอบอกคิมหันต์ว่าตนไม่เป็นอะไร แต่พออรรถรู้ก็บอกให้พาไปหาหมอจึงรู้ว่าเธอตั้งครรภ์

อรรถแสดงความยินดีกับพักตรา ขอให้เธอทุ่มเทกำลังใจทั้งหมดให้กับชีวิตใหม่ เมื่อพักตราถามถึงคิมหันต์ อรรถออกมาบอกข่าวนี้และแสดงความยินดีกับเขาที่กำลังจะมีทารกน้อยที่เกิดจากความรัก คิมหันต์ทวนคำว่า “ความรัก” อย่างเย็นชา อรรถเตือนว่าอย่าพูดคำนี้ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ให้พักตราได้ยิน และขอร้องให้เขาเข้าไปหาพักตราและให้กำลังใจเธอ

เมื่อคิมหันต์เข้าไปในห้อง เขาบอกพักตราว่า “ผมกลัวว่าผมจะไม่ใช่พ่อที่ดีสำหรับเขา”

พักตราบอกว่าตนก็กังวลแต่เราต้องผ่านไปได้ ผ่านไปด้วยกันได้ นอกจากเขาจะไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคิมหันต์กอดปลอบใจ พักตรายิ้ม ซุกหน้ากับอกเขา พูดอย่างมีความสุขว่า...

“ค่ะ...เพื่อลูกของเรา เราจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เสียทีนะคะคิม...”

ขณะมุกรินทำงานที่บ้านสวนกับปรารภอยู่นั้น ปรารภเอ่ยขึ้นว่า รู้สึกเธอจะยังไม่ไว้วางใจตนจนไม่บอกแม้แต่ที่อยู่ใหม่ มุกรินจึงบอกเขาว่าตนกลับไปอยู่กับคิมหันต์แล้ว ปรารภถามว่าเธอยังรักเขาอยู่ใช่ไหม แต่ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็ขอให้คิดเสมอว่าเมื่อไรที่ลำบาก มีปัญหา ตนจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ เมื่อไรที่เธอมีความสุขตนก็จะดีใจด้วยอยู่ห่างๆ

ไม่นานคิมหันต์ก็โทร.มา เขาบอกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ อาจจะไม่มีเวลาไปหาเธอเท่าไร

“ไม่เป็นไรค่ะ...ไม่ต้องถามนะว่ามุกอยู่ได้ไหม”

“ถ้าคุณอยู่กับนายปรารภก็บอกเขาด้วยว่า คุณยังมีผมอยู่ และผมมาก่อนเขาเสมอ”

เมื่อวางสาย ปรารภถามว่าคิมหันต์โทร.มาหรือ? เขาจะแวะมารับเธอไปทานข้าวใช่ไหม?

“เปล่าค่ะ...เขาบอกว่ายุ่งๆอยู่คงไม่มีเวลาแวะไปหาที่บ้าน แต่รู้ว่ามุกอยู่ตามลำพังได้”

“ดี...งั้นวันนี้ผมขอเลี้ยงมื้อเย็นได้ไหมครับ” ปรารภยิ้มอย่างอบอุ่น...

ooooooo

พักตรามีความสุขมากกับความหวังที่จะมีตัวเล็กๆ มาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับคิมหันต์ อรรถเองก็หาหนังสือคู่มือการเลี้ยงเด็กมาให้เธออ่าน

พักตราบอกอรรถว่าตนขอเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง อรรถถามว่ายังโกรธพ่ออยู่หรือ

“ค่ะ...แต่พักตร์ไม่ได้รังเกียจพ่อนะคะ พักตร์แค่อยากใกล้ชิดกับลูกของพักตร์มากที่สุด และเป็นแบบของพักตร์เอง”

พอดีคิมหันต์เข้ามา อรรถชวนให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เขาขอตัวออกไปทำธุระหน่อยก่อน และอาจจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่ พักตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบใสว่า เสร็จธุระแล้วค่อยมาก็ได้ ตนอยู่ได้ เอามือวางไว้ที่ท้อง พูดอย่างมีความสุขว่า

“ขอให้รู้ว่าลูกของคิมอยู่ที่นี่ เขารอคิมอยู่ในนี้นะคะ... พักตร์ดีใจนะคะที่วันนี้คิมอยู่ด้วยที่โรงพยาบาล” คิมหันต์พยักหน้า พักตราถามอย่างสดชื่นว่า “ลูกคือโซ่ทองคล้องใจเราสองคนใช่ไหมคะคิม”

ooooooo

ปรารภซื้ออาหารไปกินกับมุกรินที่บ้านพักของเธอ เขาเลียบเคียงว่าถ้าคิมหันต์มาเห็นตนกินข้าวกับเธอคงโกรธ คงหึงน่าดู มุกรินบอกว่าคิมหันต์ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของตนกับเขา

ปรารภบอกว่าดีใจที่รู้สึกว่าตนเป็นคนพิเศษของเธอ มุกรินย้ำว่า “พี่รภเป็นพี่ที่พิเศษกว่าคนอื่นสำหรับมุกเสมอ” ปรารภรุกไปอีกก้าวถามว่ามีโอกาสจะพัฒนาไหม เธอยิ้มนิดๆ เขาแก้เกี้ยวว่าเร็วไป แล้วเปลี่ยนคำถามใหม่ว่าคนอายุอย่างตนไม่มีเวลามากนักที่จะสร้างเรื่องกุ๊กกิ๊ก ขอถามตรงๆว่า

“ถ้านายคิมหันต์เขาหย่ากับพักตราจริง มุกจะแต่งงานกับเขาไหม?” มุกรินแค่ยิ้มๆแล้วนิ่งไปอีก ปรารภบอกว่าอิ่มแล้วค่อยตอบก็ได้ เธอจึงบอกเขาว่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน “งั้นแปลว่าตอนนี้พี่กับเขาอยู่ในจุดเดียวกัน พี่พูดอย่างนี้ได้ไหม พี่กับเขากำลังแข่งกันทำแต้มอยู่เหมือนกันใช่ไหม?”

“มุกไม่ใช่ถ้วยรางวัลที่ผู้ชายต้องมาแข่งขันกันนะคะ”

“มุกไม่ใช่สิ่งของ ไม่มีวัน...แต่มุกเป็นสิ่งมีค่าที่พี่ปรารถนาด้วยความบริสุทธิ์ใจ” เขามองเธอด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเธอ มุกรินติงว่าพูดอย่างนี้ตนเขิน แล้วต่างก็หัวเราะและกินข้าวกันต่อ

กินข้าวเสร็จปรารภกำลังจะกลับ ออกมาเจอรถคิมหันต์จอดขวางทางอยู่ ทั้งคู่เล่นแง่กัน คิมหันต์บอกว่ารถปรารภขวางอยู่ทำให้เขาเข้าบ้านไม่ได้ ปรารภก็เกทับว่ารถเขาก็มาขวางทางอยู่ทำให้ตนออกไปไม่ได้เหมือนกัน

คนกลางอย่างมุกรินตัดบทถามคิมหันต์ว่าไหนว่าจะไม่แวะมา? ก็ถูกเขาเหน็บว่าไม่นึกว่าจะมีพ่อม่ายแวะมาแทนที่ตน

“ถ้าจะยืนพูดจาแดกดันกันอย่างนี้ เชิญนอกบ้านได้ไหมคะ ฉันจะได้ล็อกบ้านเข้านอน”

คิมหันต์พูดเหน็บปรารภว่าเขาควรจะเอาเวลาไปดูแลลูกชายสองคนมากกว่ามาดูแลพนักงาน ถูกปรารภสวนทันควันว่าเขาก็ควรไปดูแลเมียให้มากกว่าแฟนเก่า

ในที่สุดคิมหันต์เป็นฝ่ายกลับไป เขาไปนอนที่บ้านวิมลรัตน์ จนรุ่งเช้าเขาโทร.เรียกชุมสายให้มาหาปรึกษาว่า

“ฉันกำลังจะเป็นพ่อของลูกที่ฉันไม่ได้รักแม่เขา แกเข้าใจไหม แล้วฉันจะทำยังไงกับมุกล่ะ”

ไม่ทันได้คุยอะไรกัน ถวิลก็มาบอกคิมหันต์ว่าพักตรามาหา มาพร้อมกับพลโทอรรถด้วย!

คิมหันต์ชะงักกึก

ooooooo

เช้านี้พักตราและอรรถมาที่บ้านวิมลรัตน์พร้อมอาหารหลายถุง คิมหันต์กับชุมสายออกมารับที่หน้าบ้าน พักตราเอ่ยอย่างยิ้มแย้มร่าเริงว่า

“พักตร์เดาถูกว่าคิมต้องนอนที่บ้านนี้ ก็เลยแวะเอาอาหารเช้ามาฝาก แต่ไม่รู้ว่าคุณชุมสายนอนอยู่ด้วยกัน”

ชุมสายบอกว่าคิมหันต์เพิ่งโทร.ตามตนมาเมื่อเช้านี้ “คงจะบอกข่าวดีใช่ไหมคะ...บอกเพื่อนหรือยังคะคิม”

คิมหันต์ตอบไปตามน้ำว่าเพิ่งบอกเมื่อกี้นี้เอง อรรถหยอกว่าเห่อเหมือนกันนะ นัดฉลองกันเลยหรือเปล่า คิมหันต์บอกกว่าเปล่า พักตราฉอเลาะว่าตนกำลังจะไปซื้อของใช้สำหรับเด็ก นัดเย็นนี้กันที่บ้าน แล้วทำทีถามว่าเย็นนี้เขากลับบ้านใช่ไหม คิมหันต์จำต้องตอบว่า “ครับ” พักตราหอมแก้มเขาฟอดหนึ่งแล้วเดินไปขึ้นรถ อรรถย้ำกับคิมหันต์ก่อนตามไปว่า

“ช่วงนี้ยายพักตร์ไปไหนมาไหนควรมีคนไปเป็นเพื่อน ฉันก็เลยอาสา และก็ถือโอกาสแวะมาดูด้วยว่านายอยู่กับใคร อย่าทำให้พักตราไม่สบายใจนะ เดี๋ยวจะมีผลต่อลูกของนายในท้องของยายพักตร์”

พอรถของอรรถออกไปแล้ว ชุมสายเอ่ยกับคิมหันต์จริงจังว่า

“ฉันขอตอบคำถามนายที่ค้างไว้เมื่อกี๊นี้นะ ทุกอย่างมันต้องมีจุดจบว่ะคิม แกกับมุกรินรักกันมานานก็จริง แต่เมื่อถึงตรงนี้แกต้องยอมรับจุดจบ ต้องรู้จักพอ แล้วเดินหน้าไปกับชะตาชีวิตใหม่ที่แกเป็นคนขีดมันขึ้นมาเอง”

“งั้นเหรอ?”

“แกทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งท้อง โดยที่เขาไม่ได้ผิดอะไร แล้วแกจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยไม่ได้ ปัญหาจะไปตกที่เด็ก ซึ่งเป็นลูกของแก ไอ้คิม”

“ลูกฉัน ฉันยินดีเลี้ยงดู แต่จะให้ฉันทนดูมุกริน

เป็นของคนอื่น ฉันทนไม่ได้ นั่นแหละ ทั้งหมดที่ฉันต้องการ”

ooooooo

ธาดาไปหมกตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ คิดว่ารอดพ้นจากการตามล่าแล้ว แต่เพียงนอนข้ามคืนรุ่งขึ้นเขาก็ได้รับแจ้งจากพนักงานที่อยู่หน้าฟรอนต์ว่ามีคนมาขอพบ

ธาดาถามอย่างระแวงว่าใคร ตนไม่ได้นัดใครไว้ พนักงานแจ้งว่าเขาไม่ได้บอกแต่บอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยด้วย

“ผมไม่คุย ไม่ให้พบ คุณบอกไปว่าผมไม่อยู่ หรืออยากจะบอกยังไงก็ตามใจคุณ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ขึ้นมาห้องผมเป็นอันขาด เข้าใจไหม”

ที่แท้คือเสี่ยอ๋ามากับลูกน้องสามคน พนักงานไป บอกเสี่ยอ๋าที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ว่าธาดาไม่อยู่ เสี่ยจ้องหน้าถามว่า

“แน่ใจ? หรือเขาสั่งให้คุณบอกผมว่าไม่อยู่?” พนักงานตอบเลี่ยงๆว่า แกไม่อยู่ค่ะ “น่าเสียดาย...งั้นผมฝากของให้เขาหน่อยได้ไหม” เสี่ยเอาเงินปึกใหญ่มานับ พนักงานเริ่มอึกอัก มองเงินในมือเสี่ยอย่างลังเล

ครู่หนึ่งพนักงานก็โทร.ขึ้นไปบอกธาดาว่าคนที่มาขอพบเขาฝากของไว้ให้ ธาดาบอกให้เก็บไว้ก่อนตนยัง ไม่ลงไปหรอก พนักงานบอกว่าตนส่งของมาให้ข้างบน

แล้วถ้าไม่ต้องการรับก็ส่งคืนมาได้ ธาดาจึงเปิดประตูเขา ผงะเมื่อเห็นเสี่ยอ๋ากับลูกน้องสามคนยืนจังก้าอยู่หน้าประตู!

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ