อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

ตรีทศอาละวาดขว้างปาข้าวของในบ้านกระจุย กระจาย ขัดใจที่คนของเตี่ยจัดการกับตะวันไม่ได้ เฮียฮุยได้ยินเสียงโครมครามเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไร

“ไหนเตี่ยบอกว่าให้คนไปจัดการนังนั่นแล้วไง เก็บมันเลยสิ ทำไมมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้” ตรีทศพูดจบโยนหนังสือข่าวซุบซิบสังคมที่ลงรูปตะวันลงบนพื้น เฮียฮุยเสียงอ่อยว่าเกิดผิดพลาดนิดหน่อย

“เตี่ยดูหน้าหนูนะ มันทำกับหนูขนาดนี้ เตี่ยจะยอมเหรอ”



“ไม่ยอม เตี่ยเลี้ยงหนูมาสักแปะยังไม่เคยตี ใครบังอาจมาทำอาตี๋ของเตี่ย มันต้องตาย”...

ตั้งแต่นวลตาย ธงไทยก็เหมือนคนหมดอาลัย ตายอยากในชีวิต จ๊ะจ๋ามาตามให้ไปกินข้าว เขาก็อ้างยังไม่หิว เธอคะยั้นคะยอให้กินอะไรบ้าง เขากลับหงุดหงิดใส่ทำเอาจ๊ะจ๋าน้ำตาร่วง เจียมต้องเข้ามาปลอบหลานสาวว่าควรให้เวลาธงไทยทำใจหน่อย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะทำใจได้ง่ายๆ...

ขณะที่ธงไทยยังจมอยู่กับความทุกข์ที่ต้องสูญเสียทั้งแม่และคนรักในเวลาเดียวกัน นันทวัฒน์พยายามจะเข้าหาตะวันเพื่อจะสานสัมพันธ์ในฐานะผัวเมีย แต่เธอใช้ความเจ้าเล่ห์เอาตัวรอดมาได้...

ทางด้านตะวันเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเวลาที่ต่อว่าอึ่ง แล้วมักจะถูกขู่กลับเป็นทำนองว่ารู้ความลับบางอย่างของเธอ ทำให้ตะวันคิดหาทางตัดไฟแต่ต้นลม...

นันทนามุ่งมั่นจะอดยาให้ได้ โดยใช้สมุนไพรที่ได้จากไร่นวลตะวันเป็นตัวช่วย มีเพียงมยุริญกับกันเกราที่คอยเป็นกำลังใจให้เธอ ส่วนนันทาได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ พอเห็นลูกหันมามอง รีบเดินหนีทั้งที่เป็นห่วงลูกใจแทบขาด นันทนาคิดว่าแม่ไม่สนใจ น้ำตาร่วงด้วยความน้อยใจ กันเกราสงสารหลานสาวตามมาตำหนินันทาว่าน่าจะเข้าไปกอดและพูดให้กำลังใจลูกบ้างไม่เห็นจะเสียหน้าอะไรตรงไหน

“จะให้ฉันสปอยมันอีกน่ะเหรอ มันต้องใช้ไม้แข็ง ยัยนามันจะได้หลาบจำ”

กันเกราไม่เห็นด้วย ขืนใช้ไม้แข็ง อาจทำให้เสียลูกไปได้ นันทาขอจัดการลูกด้วยวิธีของตัวเอง คนอื่นไม่เกี่ยว กันเกราน้อยใจน้ำตาร่วงที่นันทาเห็นเธอเป็นแค่คนอื่น นันทาเองเสียใจไม่แพ้กันที่พูดออกไปแบบนั้น...

นันทาเดินน้ำตาซึมเข้ามาเห็นทนงศักดิ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกรีบปาดน้ำตาทิ้งถามว่ามีธุระอะไร เขามีเอกสารด่วนมาให้เซ็น พอดีนันทวัฒน์ไม่ว่าง เธอจำต้องทำหน้าที่แทนลูกชาย เดินนำทนงศักดิ์ไปที่ห้องทำงาน เอกสารมากมายที่ต้องเซ็นทำให้นันทาขี้เกียจอ่านรายละเอียดข้างใน เซ็นเสร็จไม่วายบ่นว่าทีหน้าทีหลังหาตัวนันทวัฒน์ให้เจอ จะได้ไม่ต้องมารบกวนตนเองแบบนี้ ระหว่างที่เดินมาส่งทนงศักดิ์หน้าห้องทำงาน นันทาเห็นตะวันกับนันทวัฒน์เดินผ่าน ก็โมโหมากด่ากระทบลูกชายว่างานการไม่รู้จักทำ ดันพากันไปเดินเที่ยวเล่น

“คุณแม่ครับ ผมพาปรางค์ไปตระเวนดูโครงการใหม่ๆของเรานะครับ”

นันทาไม่เข้าใจ เรื่องอะไรต้องพานังงูเห่าไปดูโครงการเหล่านั้น นันทวัฒน์จะให้เธอมาช่วยงานที่บริษัท ท่านไม่ต้องการให้เขาทำอย่างนั้น คนของเรามีตั้งมากมาย ทำไมต้องให้มันมาช่วย

“ตะวันเห็นว่าทุกคนทำงานหนักมาก โดยเฉพาะคุณทนงศักดิ์ เห็นวิ่งวุ่นทำงานทั้งวัน ตะวันเลยอยากช่วยแบ่งเบาน่ะค่ะ”

นันทาด่าสวนว่านังสตรอเบอร์รี่ นันทวัฒน์ขอร้องแม่ให้เลิกมองตะวันในแง่ร้าย ท่านไม่เข้าใจ ใครๆก็ดูออกกันทั้งนั้นว่านังนี่ลวงโลกขนาดไหน มีแต่เขาเท่านั้นที่โง่เง่าจนมองไม่ออก ตะวันบีบน้ำตาเพื่อให้ดูน่าสงสาร นันทวัฒน์เห็นเธอถูกแม่เล่นงาน รีบดันตัวท่านกลับเข้าห้องทำงานเพื่อตัดปัญหา ทนงศักดิ์เห็นใจและสงสารตะวันมาก เข้ามาปลอบใจพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชูให้

“ขอบคุณค่ะ ตะวันไม่รู้จริงๆว่าปรางค์ทองทำอะไรกับบ้านนี้เอาไว้บ้าง แต่นี่คือตะวัน ตะวันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ให้โอกาสตะวันล่ะคะ ให้โอกาสตะวันเริ่มต้นใหม่สิคะ” ตะวันพูดทั้งน้ำตา ทนงศักดิ์ขอให้เธอค่อยเป็นค่อยไป ของแบบนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน เธอรับปากจะอดทนและขอบคุณเขามากที่เข้าใจเธอ

แม้ทนงศักดิ์จะเคยรับรู้ถึงฤทธิ์เดชของผู้หญิงคนนี้ แต่เชื่อว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปแล้วจริงๆ ตะวันพอใจที่เขาหลงกลชวนไปหาอะไรกินในครัว จะได้ช่วยสอนงานที่เธอเคยทำมาก่อนความจำจะเสื่อมให้

ooooooo

วิวมาเยี่ยมธงไทยถึงไร่นวลตะวัน เห็นเขาเอาแต่นั่งอมทุกข์อยู่เพียงลำพังก็สงสาร เสนอตัวจะมาอยู่เป็นเพื่อน เขากลับไม่ต้องการ เธอตัดพ้อ ถ้าเปลี่ยนจากเธอเป็นตะวันเขาคงไม่ปฏิเสธ ธงไทยไม่อยากให้ใครพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก วิวขอร้องให้เขาเลิกโกหกตัวเองสักที เขายังอยากรู้เรื่องตะวันและยังรอเธอเสมอ

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย” ธงไทยหงุดหงิดใส่ วิวถึงกับอึ้ง ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“วิวรู้ดีไง วิวถึงพูด ไทยจะอาลัยอาวรณ์เธออีกทำไม ดูสิว่าเธอทำอะไรไว้กับที่นี่บ้าง อย่าโง่หน่อยเลย”

“ถ้าวิวจะมาเพื่อพูดอะไรแบบนี้ วิวไม่ต้องมาก็ได้นะ ไทยอยู่ของไทยได้ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว วิวก็กลับไปเถอะนะ ไทยอยากอยู่คนเดียว” พูดจบ ธงไทยหันหลังให้ วิวเสียใจมากเดินจากมาทั้งน้ำตา

จ๊ะจ๋าเห็นวิวเดินร้องไห้ออกมาจากเรือนใหญ่ ร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เดินขึ้นรถขับออกไปเลย ธงไทยเองเสียใจไม่แพ้กันที่ต่อว่าเพื่อนรักรุนแรงเกินไป...

เฮียฮุยไม่ยอมให้คีรินหนีหน้าทั้งที่ยังปิดจ๊อบไม่สำเร็จ สั่งการให้สมุนไปดักรอพร้อมกับข่มขู่ ถ้าไม่จัดการเป้าหมายตามที่ตกลงกันไว้ น้องสาวของเธอไม่รอดแน่ๆ คีรินถึงกับหน้าเครียด...

ในครัวบ้านวัฒนา ตะวันลงมือทำอาหารเลี้ยงทนงศักดิ์ซึ่งตื่นเต้นมากไม่รู้มาก่อนว่าเธอทำอาหารเป็น แถมอร่อยอีกต่างหาก เธอยกความดีความชอบให้แม่นวลซึ่งเป็นคนสอนให้ทำ พอพูดถึงท่าน ตะวันน้ำตาเอ่อ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอหอย น้ำตาร่วงใส่จานข้าว ทนงศักดิ์เสียใจด้วยที่ท่านมาด่วนจากไป

“ตอนนี้ตะวันเลยไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แม่นวลก็ไม่อยู่แล้ว ที่นี่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของตะวันแล้วค่ะ...

ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไม่พูดเรื่องเศร้าดีกว่า เดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย”

“ฝีมือขนาดนี้ ต่อให้คุยเรื่องอะไรก็อร่อยครับ”

“ขอบคุณค่ะ แต่ตะวันคงฝีมือไม่อร่อยเท่าแม่บ้านคุณทนงศักดิ์แน่ๆเลยค่ะ” ตะวันแอบเห็นทนงศักดิ์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก็ทำไม่รู้ไม่ชี้กินข้าวต่อไป...

ทนงศักดิ์เจอปัญหาหนักอกเมื่อกลับถึงบ้านพบว่าพีรยาเก็บเสื้อผ้าข้าวของเตรียมหอบลูกไปเมืองนอก เธอจะไปทำงานที่ร้านอาหารของเพื่อนซึ่งอยู่ในประเทศนั้น ถ้าเธอโชคดีได้แต่งงานกับฝรั่งที่นั่น ลูกๆของเราก็จะได้เรียนฟรี ไม่ต้องอายใครอีก ทนงศักดิ์กอดพีรยาไว้แน่นไม่ยอมให้ไปไหนทั้งนั้น

“ปล่อยนะ เลิกเห็นแก่ตัวสักที เห็นแก่อนาคตลูกๆบ้าง ทีทำให้คนอื่นได้ รับใช้พวกเขาอย่างกับทาส ทีกับลูกกับเมียไม่เคยเห็นคุณค่าเลย จะให้ฉันทำยังไง”

เขาสัญญาจะรีบเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ลูกๆเรียนจบมหาวิทยาลัยเมื่อไหร่จะส่งไปเรียนต่อเมืองนอก พีรยาจะให้ลูกๆไปเรียนไฮสกูลตอนนี้เลย ไม่อยากรออีกต่อไป ขอร้องให้เขาปล่อยเธอไปเพื่ออนาคตของพวกแก...

ด้านเจ๊แน๊ตได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากวิวแล้ว ได้แต่บอกให้เธอทำใจ ถ้าธงไทยมีเยื่อใยด้วย คงลงเอยกับเธอนานแล้ว แต่นี่เขาคิดกับเธอแค่เพื่อนที่เขารักมากที่สุดก็เลยไม่สามารถจะจีบเป็นแฟนได้...

ตะวันพยายามบ่ายเบี่ยงเมื่อนันทวัฒน์มาขอนอนร่วมเตียง เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอกลับมาที่นี่เพราะรักเขาหรือเพื่ออะไรกันแน่ ตะวันเกรงแผนการแก้แค้นจะติดขัด รับปากวันพรุ่งนี้จะให้เขานอนด้วย เขาถึงยิ้มออก จูบ หน้าผากเธอเบาๆ อวยพรให้หลับฝันดี แล้วกลับห้องตัวเองอย่างมีความสุข ตะวันมองตามถอนใจโล่งอก รีบปิดประตูล็อกกลอน คิดถึงธงไทยขึ้นมาจับใจ

“พี่ไทย...รอตะวันนะคะ”

ooooooo

ตะวันเห็นกันเกราต้องการให้นันทนาได้เปลี่ยนบรรยากาศกินอาหาร จึงพามานั่งที่โต๊ะสนามข้างบ้าน แล้วเข้าในครัวเพื่อเตรียมสำรับมาตั้ง นันทนารู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวเนื่องจากอาการอยากยา ตะวันเข้ามากวนประสาท ถ้าต้องทรมานขนาดนั้น จะทนทำไม ในเมื่อมีวิธีที่ดีกว่าแถมทำให้มีความสุขอีกต่างหาก

นันทนาไม่อยากยุ่งด้วยจะลุกหนีแต่ไม่มีแรงทรุดตัวลงนั่งอย่างเดิม ตะวันเสนอตัวถ้าเธออยากยามาก ตนจะหามาให้ แค่โทร.กริ๊งเดียวก็ได้ยาแล้ว ไม่พูดเปล่าตะวันขยับเข้าหา

“ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน” นันทนาขยับหนี ตะวันหัวเราะชอบใจที่แกล้งเธอได้ พิชิตเข้ามาด้านหลังเหวี่ยงยัยตัวแสบลงไปกองกับพื้น แล้วพยุงนันทนาเข้าข้างใน ทิ้งให้ตะวันก้นจํ้าเบ้าอยู่ตรงนั้น...

ตกค่ำนันทวัฒน์มาหาตะวันที่ห้องเพื่อทวงสัญญาที่จะให้เขานอนด้วย แล้วโอบไหล่พาเธอไปที่เตียงเชยคางเธอขึ้นมาบรรจงจูบหน้าผากเบาๆ ตะวันแกล้งเขินอายเบือนหน้าหนี นันทวัฒน์ยกมือเธอขึ้นมาจุมพิต อึดใจเดียว รู้สึกมึนหัว ก่อนจะหมดสติลงบนเตียง ตะวันยิ้มสมใจแล้วหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความ

พิชิตกำลังเดินผ่านหน้าห้องพักของอึ่งเพื่อกลับห้องตัวเอง มีสัญญาณเตือนว่ามีข้อความดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูถึงกับขมวดคิ้วด้วยความฉงน จังหวะนั้น อึ่งกำลังจะไปอาบน้ำเปิดประตูห้องพักออกมาพอดี ร้องทักว่าค่ำแล้วยังไม่นอนอีกหรือ เขารีบออกตัวว่ากำลังจะเข้านอน แล้วทำเป็นเดินต่อไป

สักพักบอดี้การ์ดหนุ่มย้อนกลับมาดูให้แน่ใจว่าอึ่งไปแล้ว จึงค่อยๆเดินฝ่าความมืดออกไป พอเขาคล้อยหลัง อึ่งออกจากที่ซ่อน มองตามด้วยความสงสัย...

ตะวันส่งข้อความนัดพิชิตมาพบแถวมุมมืดในสวน บ่นให้ฟังว่าเหนื่อยกับเรื่องนี้มาก อยากจะหยุดทุกอย่างแล้วหนีไปให้ไกลๆ ชวนเขาไปใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกัน เขาขอร้องอย่ามาล้อกันเล่น เขาไม่หลงกลลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ ตะวันแกล้งบีบน้ำตา

“ขอบใจนะที่ออกมา คิดว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” ตัดพ้อจบตะวันขยับจะไป พิชิตคว้าเธอมากอดเหมือนกลัวของรักจะหลุดลอยไป อึ่งแอบมองอยู่ไม่ห่างตะลึงกับภาพที่เห็น

“อุบาทว์ที่สุดไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ฉันจะลากแกลงนรกเอง” อึ่งว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นถ่ายคลิป

ด้านตะวันขอให้พิชิตช่วยจบความแค้นครั้งนี้แล้วเราจะได้หนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน เขาทำไม่ได้ ทุกคนที่นี่เป็นผู้มีพระคุณของเขา ตะวันงอน หากเขาไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร ดันตัวออกห่างแล้วเดินจากไป พิชิตถึงกับกุมขมับไม่รู้จะทำอย่างไรดี

อึ่งอัดคลิปไว้ไม่มีตกหล่น แม้จะไกลไม่ได้ยินเสียงพูดแต่นี่ก็เป็นหลักฐานที่จะทำให้ทั้งคู่ดิ้นไม่หลุด เธอปิดมือถือแล้วรีบย่องๆออกมา พอเธอคล้อยหลังตะวันปรากฏตัวขึ้น มองตามสีหน้าเหี้ยม ครู่ต่อมาอึ่งกลับถึง ห้องพักตัวเอง ปิดประตูล็อกกลอนแน่นหนา ตั้งท่าจะส่งคลิปอุบาทว์นี้ไปให้มยุริญดู แต่แล้วเปลี่ยนใจ

“ไม่เอาดีกว่า คนดีๆอย่างคุณยุริญ ไม่ควรมาเห็นภาพทุเรศๆแบบนี้” อึ่งว่าแล้วปิดไฟเข้านอน โดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่จะเป็นคืนสุดท้ายในชีวิตตัวเอง...

ตะวันรอจนอึ่งหลับสนิท สะเดาะกลอนประตูห้องแล้วใช้นิ้วซึ่งสวมถุงมือกดที่หลังกกหูแถวเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งไปเลี้ยงสมองของอึ่ง ค่อยๆลงน้ำหนักมากขึ้นจน

กระทั่งเหยื่อหยุดหายใจ แล้วหยิบมือถือของเธอขึ้นมาลบคลิปภาพของตัวเองกับพิชิตที่กำลังกอดกันกลมออกก่อนจะวางมือถือไว้บนหัวเตียงแล้วผละจากไป

ooooooo

ตะวันยืนกอดอกเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องตัวเอง พอนันทวัฒน์เริ่มขยับตัว เธอรีบลงนอนข้างๆ แล้วกอดแขนเขาไว้ นันทวัฒน์ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงและหนักหัวมาก หันไปทางตะวันเห็นนอนยิ้มหวานให้ รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ค่อยๆโน้มตัวมาจูบหน้าผากเธอแล้วถามว่ากี่โมงแล้ว

“สายแล้วค่ะ ตื่นเถอะนะคะ ตะวันจะไปอาบน้ำแล้ว พี่วัฒน์กลับไปแต่งตัวที่ห้องเถอะค่ะ”

“ไม่อยากไปเลย” นันทวัฒน์พลิกตัวจะคว้าตะวันมากอด แต่เธอไวกว่าลุกพรวดลงจากเตียง

“พี่วัฒน์คะ ตะวันอายนะคะ ไม่เอาแล้ว ตะวันไปอาบน้ำดีกว่า” ตะวันยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง เล่นเอาใจ แทบละลาย ทันทีที่หันหลังให้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็น เคร่งขรึม สำหรับเขาแล้วเธอมีให้แต่ความเกลียดชัง...

ทางฝ่ายกันเกราเห็นผิดสังเกต สายป่านนี้แล้วอึ่งยังไม่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง ถามคนในบ้านก็ไม่มีใครเห็น จึงชวนเด็กรับใช้ไปดูที่ห้องของเธอ ปรากฏว่าประตูล็อก กันเกราสั่งให้เด็กรับใช้ไปเอากุญแจสำรองมาไข ทั้งคู่ตกใจแทบช็อกเมื่อพบอึ่งกลายเป็นศพอยู่ในนั้น...

นันทาทราบเรื่องการตายของอึ่งถึงกับบ่นอุบว่านี่มันอะไรกัน ต้องฆ่าต้องแกงกันเลยหรือ นันทวัฒน์ทักท้วงทำไมแม่ถึงพูดราวกับมีใครฆ่าอึ่ง ในเมื่อหมอลงความเห็นแล้วว่าเป็นปัญหาเรื่องระบบหายใจ กันเกราเห็นด้วยกับนันทา อึ่งแข็งแรงมากจะมาตายแบบนี้ไม่น่าเป็นไปได้ มยุริญตั้งข้อสังเกต

“พี่อึ่งมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินค่ะ คุณหมอคาดว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ”

“ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องให้มีการตรวจพิสูจน์ให้ถึงที่สุด ไม่งั้นใครจะหลับได้ลง ในบ้านตัวเองแท้ๆแต่อันตรายยิ่งกว่าไปเดินอยู่ริมถนน” นันทาพูดจบปรายตามองตะวันซึ่งยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นันทวัฒน์เห็นสมควรแก่เวลา จึงสั่งให้พิชิตพามยุริญไปส่งบ้าน จะได้ไม่ต้องรอคนขับรถของเธอให้เสียเวลา

“ตะวันใจหายมากเลยค่ะ พี่อึ่งออกจะเป็นคนดี... แต่อายุสั้นนะคะ”

มยุริญรู้สึกทะแม่งๆชอบกลกับน้ำเสียงของตะวัน พิชิตเองก็รู้สึกเช่นกัน มีแต่นันทวัฒน์เท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สมด้วย มยุริญน้ำตาร่วงก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“นั่นสิคะ ทำไมคนดีๆถึงได้อายุสั้น หรือบางทีพี่อึ่งอาจจะรู้อะไรที่ไม่สมควรรู้ก็ได้นะคะ”

พิชิตร้อนตัวอยู่ไม่เป็นสุข ขณะที่ตะวันหน้าตึงขึ้นมาทันที อยู่ๆนันทวัฒน์เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน จะไปส่งมยุริญเอง ให้พิชิตอยู่ดูแลทางนี้ ตะวันหันขวับมองนันทวัฒน์ไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาไม่ได้สนใจจะมองตอบ

พามยุริญไปขึ้นรถ พิชิตแอบกระซิบกับตะวันว่าให้หนีไปด้วยกันตอนนี้เลย เธอยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดก่อน เขาเสนอว่าเราควรจะหนีไปก่อนที่ใครจะรู้เรื่องของเรา

“กลัวอะไร ใครที่มันบังอาจมาแส่ มันต้องตายเหมือนนังอึ่งนั่นแหละ” ตะวันหลุดปากไปแล้วถึงได้สติว่าตัวเองพูดมากไป รีบเดินหนี...

บ่ายวันเดียวกัน ทนงศักดิ์เข้ามาแจ้งให้นันทาทราบว่าพรุ่งนี้คงจะรับศพอึ่งจากสถาบันนิติเวชได้ เธอโวยวายทำไมทางนั้นถึงไม่ตรวจให้ละเอียดก่อน แบบนี้คนร้ายก็ลอยนวลสบายๆ ทนงศักดิ์อยากรู้ว่ารับศพอึ่งมาแล้วจะให้ทำอย่างไรต่อไป นันทาตวาดลั่นว่าเรื่องแค่นี้คิดเองไม่เป็นหรือ ทำไมต้องถามด้วย

“งั้นผมจะติดต่อจองศาลาไว้ก่อนนะครับ”

“ญาติมันไม่มีหรือไง ติดต่อญาติมันให้มารับศพไปทำพิธีที่บ้านนอกสิ ทำไมต้องให้เป็นภาระเรา”

ทนงศักดิ์คาดไว้ไม่มีผิด ถ้าเขาตัดสินใจอะไรสักอย่างนันทาจะต้องคัดค้าน “ครับ ผมจะจัดการให้”

เธอค้อนเขาหนึ่งวง ก่อนจะเดินขึ้นบ้านทิ้งทนงศักดิ์ไว้กับความเหนื่อยใจ ตะวันแอบได้ยินโดยตลอด แผนร้ายผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันที ไม่นานนักเธอเอาเซตถ้วยกาแฟสี่ใบมามอบให้ทนงศักดิ์ที่กำลังเดินออกจากบ้าน หวังว่าคงจะถูกใจภรรยาของเขากับลูกๆ ทนงศักดิ์ถูกจี้ใจดำถึงกับน้ำตาคลอ รีบเดินหนีก่อน

มันจะไหลริน ตะวันตามไปป่วนไม่เลิก ที่เขาเสียใจเกี่ยวกับครอบครัวหรือเปล่า ถ้ามีอะไรให้ช่วยเธอยินดีทำให้

จากนั้นเรื่องราวในครอบครัวก็พรั่งพรูออกจากปากทนงศักดิ์ ตะวันทำเป็นชมว่าเขาทำถูกแล้ว เพราะวัฒนามีบุญคุณต่อเขาและครอบครัว ถ้าเป็นเธอก็คงทำแบบเดียวกัน

“ตอบแทนบุญคุณจนจะสูญเสียครอบครัวเนี่ยน่ะเหรอครับ ผมชักไม่แน่ใจว่าตัวเองทำถูก”

“ตะวันเชื่อมั่นในตัวคุณทนงศักดิ์ค่ะ ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงคิดง่ายๆเลือกครอบครัวโดยการทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ลูกและภรรยาเป็นสุขสบายไปตลอดชีวิต ทางเลือกแบบนี้มันง่ายจะตายไปค่ะ ไม่ต้องคิดมาก แต่ตะวันคิดว่าต้องไม่ใช่คุณทนงศักดิ์แน่ๆ มันอาจจะเจ็บปวดและสูญเสียบ้าง แต่อดทนนะคะ”...

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 2 ต.ค. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ