อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 2 วันที่ 29 ส.ค. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 2 วันที่ 29 ส.ค. 58

ขณะที่นันทายังไม่ละความพยายามที่จะจับคู่มยุริญให้กับลูกชายตัวเอง จ๊ะจ๋าขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากเรียนหนังสือ เพิ่งถึงทางเข้าไร่นวลตะวัน รถเกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ จอมขับรถกระบะผ่านมาทางนั้นพอดี เห็นเธอในชุดนักศึกษาดูน่ารักน่าหลงใหล รีบจอดรถเสนอตัวเข้าไปช่วย แม้จะไม่สบายใจนักที่ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่มีทางเลือก จอมทำเป็นก้มๆเงยๆกับมอเตอร์ไซค์สักพัก ก็บอกว่าซ่อมไม่ได้ต้องเอาไปส่งช่าง เสนอให้เอามอเตอร์ไซค์ใส่ท้ายรถของเขา เดี๋ยวเขาจะพาไปซ่อมให้เอง จ๊ะจ๋าไม่ไว้ใจ

“ไม่เป็นไร ฉันเข็นเข้าไร่ดีกว่า”

“อ้าว แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนยังไงล่ะจ๊ะ ถ้าซ่อมให้เสร็จๆไปซะ จะได้มีรถใช้ไม่ต้องมาเหนื่อยเดินทาง คนสวยๆอย่างน้องจ๊ะจ๋าจะให้มายืนโบกสองแถวไปเรียน พี่จอมว่าคงไม่เหมาะนะจ๊ะ” จอมเห็นเธอคิดคล้อยตาม รีบโน้มน้าวต่อไป “คงน่าอายนะ ดาวมหาวิทยาลัยไปรถสองแถว เอาเถอะน่าเชื่อพี่จอม เอาไปซ่อมแป๊บเดียว ก็เสร็จ”



จ๊ะจ๋าพยักหน้าหงึกๆ หลงเชื่อจอมจนได้ ยอมให้เขาจูงมอเตอร์ไซค์ไปที่รถกระบะ แต่ทั้งคู่ไม่ทันจะไปจากตรงนั้น ธงไทยกับแม่นวลที่จะพาหญิงสาวนิรนามมาอยู่ไร่นวลตะวันผ่านมาเห็นเสียก่อน

ไผ่ทำหน้าที่คนขับ เขารีบจอดรถลงไปทันทีที่เห็นจ๊ะจ๋า ธงไทยจะไปด้วยแต่แม่นวลกลัวหญิงสาวนิรนามที่เกาะเขาอย่างกับตุ๊กแกจะตื่นมาโวยวาย จึงบอกลูกชายให้อยู่ในรถ แม่ลงไปดูให้เอง

จอมไม่พอใจเมื่อไผ่เข้ามาพูดจับผิด สองหนุ่มทำท่าจะวางมวยกันถ้าแม่นวลไม่เข้ามาปรามคนของตน แต่กระนั้นจอมก็มือไวชกหน้าไผ่จนเซ แม่นวลตำหนิจอมเสียงแข็งแล้วให้จ๊ะจ๋าไปขึ้นรถ ส่วนไผ่ไปเอามอเตอร์ไซค์บนรถกระบะของจ๊ะจ๋าลงมา

จ๊ะจ๋าหน้าบูดไม่พอใจไผ่แต่ก็ยอมทำตามแม่นวลบอก แล้วทุกคนก็จากไป ทิ้งความขุ่นเคืองไว้ให้ไอ้จอมกะล่อนที่คิดมิดีมิร้ายกับจ๊ะจ๋า

ooooooo

ภายในห้องอาหารบ้านเจ้าสัววัฒนา นันทานั่งรอนันทนาอย่างหงุดหงิด บ่นแล้วบ่นอีกว่ามัวทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่ลงมาสักที

ทนงศักดิ์นั่งอยู่ด้วยทำหน้าไม่ถูก ถามนันทาอย่างนอบน้อมว่าจะให้ตนพานันทนาไปดูงานส่วนไหน นันทากำลังอารมณ์ไม่ดีตอบเกือบตวาดว่า

“จะพาไปดูอะไรก็พาไปเถอะ หางานให้ทำๆไปซะ มานั่งลอยหน้าลอยตาเฉยๆไปวันๆ ฉันรำคาญ ว่างมากก็ไม่พ้นไปขลุกอยู่กับไอ้กุ๊ยนั่นอีก”

ทนงศักดิ์ตอบรับหน้าเจื่อน นันทนาลงมาพอดี หน้าตาเธอบอกบุญไม่รับ นันทามองลูกสาวหัวจดเท้าแล้วแว้ดใส่

“นี่แกจะไปดูงานหรือจะไปอาบแดดไม่ทราบ ดูชุดซิ อีกนิดเดียวจะเป็นชุดว่ายน้ำอยู่แล้ว”

ทนงศักดิ์ก้มหน้าไม่สบตาใคร ชุดนันทนาดูไม่ถูกกาลเทศะจริงๆอย่างที่นันทาว่า เขาเองเห็นแล้วยังอาย

“อะไรคะคุณแม่ นี่มันแฟชั่นนะคะ”

“ฉันจะบ้าตาย ไม่ต้องปงต้องไปมันแล้ว แกอยากจะไปไหนก็ไปๆ ฉันปวดหัว”

นันทนาสะบัดพรืดกลับขึ้นไปข้างบน นันทาเอือมระอา หันมาบอกทนงศักดิ์ว่าตนไม่มีธุระอะไรแล้ว ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมลานะครับ”

ทนงศักดิ์เดินออกไปสวนกับพิชิตพอดี ต่างคนต่างพยักหน้าทักทายกันเล็กน้อยก่อนแยกกันไป พิชิตเดินเข้ามาในห้องอาหาร นันทาเห็นแล้วไม่รีรอ พูดธุระของตนทันทีเลย

“ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องตามประกบตาวัฒน์มากก็ได้นะ บางเวลาเธอควรจะรู้ว่าเขาต้องการเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง”

“ผมทำตามหน้าที่ของผมครับ”

“หน้าที่ของเธอ?”

“ครับ หน้าที่ของผมคือรักษาความปลอดภัยให้คุณวัฒน์ครับ ผมปล่อยให้ท่านเจ้าสัวได้รับอันตรายมาแล้วครั้งนึง ผมจะไม่...”

“ขอบใจนะพิชิต เรื่องของท่านเจ้าสัวไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”

พิชิตหลบตาต่ำไม่กล้ามองหน้านันทา ในใจเขามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

“คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้...” นันทาจะพูดออกไปแต่แล้วเปลี่ยนใจไม่อยากเอ่ยถึง “เอาเถอะๆ ถือว่าหมดเวรหมดกรรมกันไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย ตอนนี้ตาวัฒน์คงหมดทุกข์หมดโศกแล้ว เธอก็ปล่อยให้เขาไปไหนๆ ตามลำพังกับหนูยุริญเถอะ ไม่ต้องห่วงตาวัฒน์เขาแล้ว เข้าใจนะ”

พิชิตรับคำแล้วผละไป โดยมีสายตาคมกริบของนันทามองตาม บางทีพิชิตก็ดูลึกลับจนเธอไม่ไว้ใจ

ooooooo

ที่ไร่นวลตะวันไม่ค่อยมีใครพอใจกับการมาของหญิงสาวนิรนาม โดยเฉพาะจ๊าจ๋าที่ดูจะหวงธงไทยออกนอกหน้า เห็นเธอใกล้ชิดเกาะติดเขาก็ยิ่งหมั่นไส้

ธงไทยกับแม่นวลทราบดีว่าหญิงสาวนิรนามไม่ไว้ใจใคร จึงไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ และเธอก็ไม่อยากอยู่ใกล้ใคร นอกจากธงไทยเพียงคนเดียว คืนนี้ธงไทยตั้งใจให้เธอไปนอนกับน้าเจียม แม่บ้านคนสนิทของแม่นวล พอเจียมรู้เรื่องก็เป็นกังวลมาบ่นกับตาท้วมว่าเธอจะบีบคอตนตายหรือเปล่าไม่รู้ หนูพุทธได้ยินมีท่าทีหวาดกลัว ถามตาท้วมว่าเขาจะบีบคอหนูด้วยหรือเปล่า

“ไม่เอานะลูก อย่าไปฟัง ป้าเจียมพูดจาไม่รู้เรื่อง”

“อย่ามาหาว่าฉันพูดจาไม่รู้เรื่องนะตาท้วม แกก็เห็นอยู่ ทั้งบ้าทั้งดุออกอย่างนั้น คุณไทยนะคุณไทย ทำไมไม่แจ้งตำรวจแล้วทิ้งไว้ให้ญาติมารับนะ”

“คุณไทยแกคงคิดของแกดีแล้วน่า แกก็ทำตามหน้าที่แกไปเถอะเจียม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์คุณๆเธอเลย”

“ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว แม่คนนี้จะต้องพาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราแน่ๆ”

หนูพุทธมองคนนั้นทีคนนี้ทีหน้าตาตื่น ตาท้วมดึงเด็กน้อยมากอดปลอบ “ไม่เอาหนูพุทธ บอกแล้วว่าไม่ต้องไปฟัง คนเราน่ะนะ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ไปตัดสินเขาว่าไม่ดีซะแล้ว ยังไม่ทันได้รู้จักกันเลย”

“จ้า...พ่อคนโลกสวย...ระวังเถอะ แกนั่นแหละจะเดือดร้อนคนแรก”

“พูดมากนัก รีบเอาข้าวขึ้นไปเถอะ”

เจียมค้อนขวับ แล้วยกข้าวขึ้นไป หนูพุทธยังไม่คลายสงสัย ถามตาท้วมว่าทำไมนายแม่นวลกับพี่ไทยต้องเอาผู้หญิงคนนั้นมาเลี้ยง แล้วทั้งคู่จะยังรักหนูหรือเปล่า

“ไม่เอาลูก ไม่พูดแบบนั้นนะ หนูพุทธก็คือหนูพุทธ ถ้าใครเขาจะรักหนูก็เพราะว่าหนูเป็นตัวหนู เขารักในความดี ถ้าหนูเป็นเด็กดีก็จะมีแต่คนรัก เชื่อตาเถอะ”

“จ้ะตา”

“ผู้หญิงคนนั้นน่ะน่าสงสารนะที่เป็นแบบนั้น ถ้าเราไม่เอาเขามาดูแล แล้วเขาจะอยู่ได้ยังไง ที่สุดของมนุษย์คือการได้รับโอกาสนะลูก”

“เหมือนหนูพุทธใช่ไหมจ๊ะตา ถ้านายแม่นวลกับพี่ไทยไม่ให้โอกาสรับหนูพุทธมาเลี้ยงดู ป่านนี้หนูพุทธคง...”

ตาท้วมไม่อยากฟังคำพูดสะเทือนใจ กระชับกอดเด็กน้อยและปลอบกันอีกครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยเธอไปคอยรับใช้คุณๆบนตึก

ที่ห้องอาหาร ธงไทยอุ้มหญิงสาวนิรนามมาที่โต๊ะอาหาร เขาให้เธอนั่งที่เก้าอี้แต่เธอยังกลัวและไม่ยอมปล่อยเขา เจียมนำอาหารขึ้นโต๊ะแล้วรอดูท่าที

“นั่งตรงนี้นะ เธอต้องกินอะไรซักหน่อย...ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก เชื่อฉัน” ธงไทยพูดกับเธออย่างใจเย็น

แม่นวลสงสารเธอเหลือเกิน เธอไม่สามารถบอกเล่าอะไรได้เลย เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมด แม้กระทั่งการเดิน การกิน หรือการเข้าห้องน้ำ แม่นวลเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เอ่ยอย่างเมตตาว่าไม่ต้องกลัว ตนจะมาช่วยสอนเธอกินข้าว ว่าแล้วแม่นวลจับมือเธอจะเอาช้อนใส่มือ เธอกลัวมากปัดทิ้งจนช้อนเกือบหล่น

เจียมเห็นแล้วรำคาญ อาสาป้อนข้าวให้เธอเอง ปรากฏว่าเธออ้าปากรับแต่ไม่ยอมเคี้ยวแถมยังพ่นข้าวใส่หน้าเจียมเลอะเทอะ ทุกคนตกใจมาก เจียมยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก

“คุณ!! ทำแบบนี้ไม่ดีนะครับ อย่าพ่นข้าวแบบนี้”

“ตายแล้วเจียม ไปล้างเนื้อล้างตัวซะก่อนไป”

“ไม่ได้ เจียมไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ”

เจียมเดินเข้าใส่หญิงสาว จ๊ะจ๋าโผล่มาพอดี ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจียมไม่ตอบแต่บอกให้จ๊ะจ๋ามาช่วยกันจับ

“เร็วสิ ยืนทำอะไรอยู่ บอกให้มาช่วยกันจับ” เจียมเร่งยิกๆ จ๊ะจ๋างงๆ แต่ก็เข้าไปจับหญิงสาวไว้

“ทำอะไรกัน...อย่ารุนแรงนะ” แม่นวลร้องห้าม

เจียมกับจ๊ะจ๋าช่วยกันจับหญิงสาวป้อนข้าวชุลมุน เธออาละวาดปัดชามข้าวหกกระจาย

“ตายแล้ว ดูทำเข้า เลอะเทอะไปหมดเลย” เจียมโวยวาย

หญิงสาวไม่หยุดแค่นั้น เธอเอาเท้าละเลงข้าวเละเทะ จ๊ะจ๋าสุดทนแผดเสียงดังลั่น

“อ๊าย!!! หยุดนะ รู้มั้ยว่าใครถูบ้าน”

หญิงสาวหันมองตาขวางแล้วพ่นข้าวในปากใส่จ๊ะจ๋าอย่างเร็วโดยที่ใครก็ห้ามไม่ทัน

ooooooo

หลังจากออกฤทธิ์ไปแล้วหญิงสาวที่ไม่มีใครรู้จักหัวนอนปลายเท้าก็หลับใหลซุกอกธงไทยอยู่ภายในห้องนอน แม่นวลเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้กับสภาพลูกชายที่กลายเป็นคุณพ่อที่มีลูกสาวตัวโตเท่ากัน

ธงไทยลำบากใจที่ต้องนอนร่วมเตียงกับเธอ กลัวชาวบ้านมองไม่ดี แม่นวลเข้าใจ บอกเขาว่าเรื่องบางเรื่องอย่าไปใส่ใจชาวบ้านนักเลย แม่นอนอยู่ในนี้ด้วยทั้งคนใครจะกล้าคิดอกุศล

“คนเราบางทีก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้าง ห้ามอะไรก็ห้ามได้ลูกเอ๋ย จะห้ามคนนินทาน่ะไม่มีทาง ถ้าเราทำอะไรด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็อย่าไปสนคำนินทา สิ่งที่ลูกทำอยู่เนี่ยมันเป็นมหากุศลแล้วลูกเอ๋ย”

“ครับแม่นวล”

ธงไทยมองหญิงสาวซึ่งซุกอกเขาหลับอยู่ด้วยความรักและสงสารอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อยๆกระเถิบตัวลงนอน เธอขยับตัวและกอดกระชับเขาแน่นขึ้น แม่นวลห่มผ้าห่มให้ทั้งคู่และยิ้มให้ลูกชายอย่างอบอุ่น

“รอจนเธอหลับสนิทแล้วค่อยว่ากันนะลูกนะ”

ธงไทยไม่ตอบ แต่ยิ้มแห้งๆ ทำนองว่าต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว...

เวลานั้น เจียมกับจ๊ะจ๋ายังอยู่ในห้องอาหาร เก็บกวาดทำความสะอาดอาหารที่หกเลอะเทอะด้วยฝีมือหญิงสาวนิรนามพร้อมเสียงบ่นค่อนข้างหยาบคาย จนตาท้วมต้องเตือนให้ระวังปากเพราะหนูพุทธอยู่ด้วย

ooooooo

มยุริญไปเป็นเพื่อนนันทวัฒน์ซื้อของตั้งแต่เช้าจดเย็น กว่าเขาจะขับรถมาส่งเธอที่บ้านก็มืดค่ำ แข้งขาเธอเมื่อยล้าก้าวลงจากรถเสียหลักเกือบล้ม

นันทวัฒน์รับร่างเธอไว้ทัน ทั้งคู่ชะงักครู่หนึ่งก่อนแยกออกจากกันเพราะแม่ของฝ่ายหญิงเดินออกมา คุณหญิงมยุรารับไหว้ชายหนุ่มแล้วกระเซ้าว่า

“สวัสดีจ้ะ นี่ถ้าไม่ใช่คุณวัฒน์น้าจะคิดว่าไอ้หนุ่มคนนี้กำลังฉวยโอกาสกับลูกน้านะเนี่ย”

“คุณแม่คะ ยุริญจะล้มเองต่างหากล่ะคะ ถ้าไม่ได้พี่วัฒน์รับไว้ ป่านนี้ลงไปกลิ้งที่พื้นแล้วค่ะ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา ไปไหนกันมาล่ะจ๊ะวันนี้”

“ผมชวนน้องยุริญไปช่วยเลือกของขวัญให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นน่ะครับ”

“ญี่ปุ่นนี่เข้าทางยุริญเลย ไม่รู้ชอบอะไรนักหนา ศึกษาเรื่องญี่ปุ่นจังเลย”

“อย่างนี้นี่เอง น้องยุริญช่วยผมได้เยอะเลยครับคุณน้า”

“คุณวัฒน์ต้องไปติดต่องานที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ คราวหน้าน้าอาจจะฝากยัยยุริญไปเที่ยวด้วยได้ไหมจ๊ะ”

นันทวัฒน์อึ้งๆ มยุริญตาเหลือกรีบตัดบท “ดึกแล้วพี่วัฒน์รีบกลับเถอะค่ะ ขนมไทยที่ซื้อบางอย่างต้องรีบเข้าตู้เย็นนะคะ”

ชายหนุ่มยิ้มรับแล้วไหว้ลาแม่ของเธอก่อนขึ้นรถจากไป มยุริญมองแม่แล้วต่อว่า

“คุณแม่จงใจพูดถึงญี่ปุ่นเพราะรู้ว่าพวกเขาเจอกันที่นั่น คุณแม่ใจร้าย”

“ต๊ายตาย เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันนะจ๊ะ”

มยุริญหน้าแดงก่ำเถียงไม่ออก หลบเลี่ยงเข้าบ้านด้วยความเขินอาย มยุรามองตามลูกสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อารมณ์ดี

นันทวัฒน์ขับรถไปจอดข้างทาง เขาไม่สบายใจเพราะถูกคุณหญิงมยุราสะกิดแผล พึมพำถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งรักทั้งไม่เข้าใจในตัวเธอ “ปรางค์...คุณจะทิ้งผมแบบนี้จริงๆเหรอ”

ooooooo

แล้วคืนนั้นนันทวัฒน์ก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปจอดรถนอนหลับอยู่หน้าบ้านทรงพล กระทั่งเช้าตรู่เปลวออกมาใส่บาตร เธอสังเกตเห็น มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าปลอดจากสายตาทรงพลก็เดินตรงไปยังรถของชายหนุ่ม

เสียงเคาะกระจกรถปลุกให้นันทวัฒน์สะดุ้งลืมตา เขารีบลงจากรถในสภาพเสื้อผ้าผมเผ้าไม่เรียบร้อย

“คุณวัฒน์ไม่ได้เพิ่งมาถึงเมื่อเช้าใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะจนด้วยหลักฐาน เปลวเตือนด้วยความเป็นห่วงว่านอนในรถแบบนี้อันตรายมาก

“ปรางค์ไม่ติดต่อมาบ้างเลยเหรอครับ” เขาจู่โจมจนอีกฝ่ายอึ้งไป ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ “ผมอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง จะเอายังไงก็คุยกัน ไม่ใช่หายไปเฉยๆแบบนี้ แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง”

“เขาไม่ได้ติดต่อมาจริงๆค่ะคุณวัฒน์ ถ้าเขาอยากกลับมาที่นี่เขาคงมานานแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”

นันทวัฒน์คอตก หันหน้าเข้ารถเอาแขนเท้าไปที่หลังคาอย่างหมดแรง เปลวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาบอกให้เขาตัดใจเสียเถอะ

“ว่าไงนะครับ”

“ปรางค์คงไม่กลับมาแล้ว เขาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ลองได้ตัดสินใจจะทำอะไรแล้วเขาไม่มีวันล้มเลิกง่ายๆ บางทีคุณอาจจะรู้จักปรางค์น้อยเกินไปก็ได้นะคะ”

เปลวพูดจบก็หันหลังเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้ นันทวัฒน์ยืนตัวแข็งทื่อตั้งรับความผิดหวังไม่ทัน ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างถนนอย่างหมดสภาพ ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง...

เช้าวันเดียวกันนั้น ธงไทยกับแม่นวลดีใจที่ได้ยินหญิงสาวนิรนามพูดคำว่าไทยออกมา นี่คือนิมิตหมายที่ดีทำให้สองแม่ลูกมีกำลังใจที่จะเยียวยาเธอต่อไป

จ๊ะจ๋าระแวงว่าธงไทยจะหลงเสน่ห์หญิงสาวผู้มาใหม่ เธอพูดต่อหน้าแม่นวลที่โต๊ะอาหาร ก็เลยโดนแม่นวลปรามห้ามพูดอะไรทำนองนี้อีก จ๊ะจ๋าขัดใจแต่ไม่กล้าต่อปากกับแม่นวล เตรียมตัวไปเรียนหนังสือแล้วเจอไผ่ตรงหน้าบ้าน ไผ่อาสาไปส่งแต่เธอยังเคืองเรื่องเมื่อวานจึงดึงดันเดินไปเอง

เดินออกไปได้ไม่ไกล รถของจอมแล่นมาจอดเทียบเหมือนจงใจรอคอย จอมหว่านล้อมชวนจ๊ะจ๋าขึ้นรถ เธอกำลังจะหลงเชื่อถ้าไผ่ไม่ขับรถเข้ามาเสียก่อน

จอมกำหมัดอย่างหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ พึมพำเบาๆ ว่าไอ้ตัวสอดโผล่มาอีกแล้ว...ไผ่ดึงจ๊ะจ๋าห่างรถแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าเต็มหน้าจอมจนกลิ้งไปกับพื้น

“พี่ไผ่! ทำบ้าอะไรอีกแล้ว” จ๊ะจ๋าแผดเสียง

“จะโง่ไปถึงไหน ต้องรอให้มันหลอกไปปู้ยี่ปู้ยำก่อนใช่มั้ย”

“จะมากไปแล้วนะพี่ไผ่” จ๊ะจ๋าโมโหสุดขีดตบฉาดที่หน้าไผ่แล้วไล่ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับตนอีก

จอมฉวยโอกาสที่ไผ่เผลอลุกขึ้นมาซัดเขาลงไปกอง ไผ่ลุกขึ้นมาโต้ตอบ ทั้งคู่ต่อยกันท่ามกลางเสียงร้องห้ามของจ๊ะจ๋า ในที่สุดไผ่ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาซัดจอมทรุดลงแล้วสำทับเสียงเข้ม

“อย่ามายุ่งกับคนที่ไร่นวลตะวันอีก จำไว้”

จ๊ะจ๋าจะเข้าไปดูจอมแต่โดนไผ่กระชากแขนลากขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว จอมลุกขึ้นมาฮึดฮัดด้วยความแค้นเคืองและอาฆาต!

ooooooo

ธงไทยดูแลเอาใจใส่หญิงสาวนิรนามอย่างดี ป้อนข้าวให้ราวกับเธอเป็นเด็กน้อย ในยามนี้เขาเหมือนคุณพ่อมือใหม่ที่เพิ่งมีลูกอ่อน

หญิงสาวพร่ำเรียกชื่อธงไทยและยิ้มหวานให้เขาราวกับเป็นเด็กน้อยหัดพูด แม่นวลมองลูกชายแล้วอดยิ้มกริ่มตามไปด้วยไม่ได้ อะไรที่ทำให้ธงไทยมีความสุข นั่นย่อมทำให้แม่นวลสุขใจไปด้วย

เจียมเห็นต่างจากแม่นวล เธอไม่ชอบเอาเสียเลย เธอเลี้ยงธงไทยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ย่อมไม่แปลกที่จะรู้สึกไม่ชอบใจที่คุณหนูธงไทยของเธอต้องมาคอยรับใช้เอาอกเอาใจผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ติงว่าถ้าเป็นอย่างนี้คุณไทยไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ต้องมานั่งเลี้ยงเด็กแบบนี้

“อย่าพูดมากเลยเจียม อย่างน้อยเธอก็ดีขึ้นมา หน่อยนึง ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเราต้องช่วยกันนะเจียม”

“ยอมให้ช่วยซะที่ไหนล่ะคะ ดูสิ เกาะคุณไทยแจขนาดนั้น”

แม่นวลเห็นด้วยกับเจียม ถ้าหญิงสาวยังติดธงไทยแจขนาดนี้จะไม่เป็นผลดีกับตัวเธอเท่าไหร่นัก...

ช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านเจ้าสัววัฒนา นันทาเดินไปเดินมาด้วยความกังวลโดยมีกันเกราอยู่ใกล้ๆ นันทาเป็นห่วงนันทวัฒน์ที่หายไปทั้งคืนไม่กลับบ้าน ติดต่อก็ไม่ได้...แต่เธอไม่ใส่ใจนันทนาที่แต่งตัวสวยลงมา นันทนาน้อยใจแม่ที่เอาแต่สาละวนกับโทรศัพท์เพื่อต่อสายถึงนันทวัฒน์ผู้เป็นพี่ชาย เลยประชดขึ้นมาว่าคืนนี้เธอจะกลับค่ำๆ หรืออาจจะไม่กลับเลยก็ได้

ปรากฏว่านันทาก็ยังไม่สนใจ นันทนาหน้าตึงบอกลาน้ากันเกราแล้วเดินปึงปังออกไป ไม่ฟังเสียงเรียกของน้าสาว

“พี่นันคะ ยัยนาแกน้อยใจแล้วนะคะ”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ...นี่กันเกรา เธอมาช่วยฉันหาเบอร์เพื่อนตาวัฒน์ดูซิ มีใครที่ยังไม่ได้โทร.หาอีกบ้าง” พูดแล้วนึกอะไรได้ อุทานออกมาเสียงหลง

“ต๊าย!! อย่าบอกนะว่าแม่นั่นกลับมาแล้ว”

กันเกราเห็นอาการนันทาแล้วก็อดสงสารนันทนาไม่ได้

ooooooo

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 2 วันที่ 29 ส.ค. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ