อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 9 วันที่ 17 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 9 วันที่ 17 ม.ค. 58

รุ่งเช้า ทรงพลกับศุภารมย์ตกใจเมื่อรู้จากป้าจวนว่าทิวัตถ์หมดสติอยู่หน้าประตูบ้าน ศุภารมย์อยากรู้ว่าเกิด อะไรขึ้นจึงโทร.ไปถามศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ได้คำตอบ รอถามเจ้าตัวก็ได้คำตอบไม่น่าเชื่อถือ เพราะทุกคนทราบดีว่าทิวัตถ์ไม่ดื่มเหล้า

ทิวัตถ์ไม่รู้จะเล่ายังไงเลยบอกพ่อกับแม่ว่าตนปวดหัวเพราะดื่มเหล้า อนันยชหายไปทั้งคืนเพิ่งกลับมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ยืนยันได้ว่าทิวัตถ์ไม่ได้ดื่ม เห็นเขานั่งฟังเพลงในผับแล้วขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนจะหายเงียบไปเลย



ศุภารมย์เป็นห่วงทิวัตถ์มาก โทร.ตามหมอศรัณย์มาดูอาการโดยเร็ว เวลานั้นหมอกำลังสนทนากับปรมัตถ์เรื่องอาการเครียดของเขาที่ครั้งก่อนให้ยาไปกิน พอรับสายจากศุภารมย์ หมอรีบขอตัวและให้พยาบาลในคลินิกของตนนัดมาอีกทีอาทิตย์หน้า ทำให้ปรมัตถ์หมดโอกาสแอบฉกกุญแจของหมอมาเปิดตู้เก็บวีดิโอรักษาคนไข้

แม้เลิกรากันมาพักใหญ่และดูเหมือนจะไม่มีอะไรผูกพันกันสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นศพยงยุทธถูกโยนทิ้งน้ำเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ วรรณิตก็อดใจหายไม่ได้ ร่ำไห้เสียจนโดนวาสนาดุด่าอย่างไม่สบอารมณ์

“แกจะเสียใจให้คนอย่างมันทำไม จำไม่ได้หรือไงว่ามันทำกับแกไว้แค่ไหน ให้มันตายๆไปน่ะดีแล้ว”

“ถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกงกันเลยเหรอยาย ชีวิตคนทั้งคนนะ ถึงเขาจะเลวยังไง...”

“โอ๊ย...นังณิต...หรือจะรอให้มันแฉเรื่องของแกก่อน พูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว แกก็คิดซะว่ามันช่วยทำให้แกสบาย ส่วนแกก็แค่ตอบแทนด้วยการเอาเงินไปทำบุญให้มันก็พอแล้ว” วาสนารวบรัดตัดความอย่าง หงุดหงิดเต็มที วรรณิตเลยไม่กล้าตอแยแกอีก

ด้านว่าที่เจ้าบ่าวของวรรณิต เวลานี้เขาพยายามหาโอกาสคุยกับศุภารมย์เรื่องงานแต่งงาน เขานัดช่างตัดเสื้อจากกรุงเทพฯมาวัดตัวแม่และคนในบ้านเพื่อตัดชุดใหม่ใส่วันงาน แล้วนอกเหนือจากเรื่องนี้และเรื่องสินสอด เขาอยากจะขอสร้อยของศุภิสราหรือน้าต้อยให้ว่าที่เจ้าสาว ศุภารมย์กับทิวัตถ์ได้ฟังถึงกับอึ้งไปด้วยกันครู่หนึ่งอย่างไม่คาดคิด

“เรื่องนี้แม่ตอบไม่ได้หรอก...เพราะสร้อยไม่ใช่ของแม่”

“แต่แม่เป็นคนดูแลข้าวของในบ้านนี่ครับ...นะครับแม่”

“พอได้แล้ววัน....สร้อยเส้นนั้นมันเป็นของวิน แค่หนูณิตหน้าเหมือนยังไม่พออีกเหรอ” ศุภารมย์เสียงแข็งอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ทิวัตถ์ไม่อยากมีเรื่องบาดหมางในครอบครัวจึงเอ่ยขึ้นว่า

“ถ้าวันอยากได้...ผมไม่มีปัญหาครับ ผมว่าเราเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงอยากให้เป็นของขวัญงานแต่งงานหลานนะครับ”

“มันต้องอย่างนี้สิ...ใช่เลยวิน...ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ” อนันยชเข้าไปกอดคอทิวัตถ์ด้วยความดีใจ แต่ศุภารมย์หน้าตึงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “นายคิดดูสิ... ถ้าคุณณิตได้ใส่สร้อยน้าต้อย รับรองว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดแน่ๆ”

“แล้วนายก็จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดด้วย”

“ขอบใจมากไอ้น้องชาย งั้นฉันรีบไปหาคุณณิตก่อนนะ”

อนันยชเดินยิ้มหน้าบานออกไป ศุภารมย์ตั้งท่าจะทักท้วงทิวัตถ์แต่เขาขัดขึ้นเสียก่อนว่า

“ไม่เป็นไรจริงๆครับแม่ต่าย...ผมคิดดูแล้วว่าอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขระหว่างสร้อยเส้นนั้นกับความรู้สึกของวัน...ผมขอตัวนะครับ”

ทิวัตถ์ส่งยิ้มเพื่อให้ศุภารมย์หมดห่วง ทั้งที่ตัวเองยังไม่คลายความหนักใจเรื่องลิลิน กลับเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนึกถึงเธอด้วยความเจ็บใจ...ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่!

ooooooo

วันนี้ครบรอบวันตายของปองภพหรือพ่อป้องของลิลิน หญิงสาวขออนุญาตศักดิ์สิทธิ์ไปทำบุญให้พ่อโดยใช้รถของโรงแรม ทิวัตถ์จอดรถซุ่มดูอยู่ด้านหน้าพอเห็นเธอขึ้นรถออกไปก็สะกดรอยตามจนถึงวัดแห่งหนึ่ง

ลิลินกราบกระดูกพ่อด้วยความรักและสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อทวงความบริสุทธิ์คืนมาให้พ่อ ทิวัตถ์เฝ้ามองสงสัยว่าเธอพูดกับใคร พอเธอถอยออกมาเขาก็เดินอ้อมเข้าไปอีกด้านก่อนจะเห็นรูปและชื่อของปองภพอย่างชัดเจน

ทิวัตถ์ตะลึง จำได้ว่าผู้ชายคนนี้ผลักศุภิสราตกระเบียง...ที่แท้ลิลินคือลูกปองภพฆาตกรฆ่าแม่ของตน!

ออกจากวัด ลิลินตัดสินใจไปพบศุภารมย์ที่บ้านเพื่อสอนร้องเพลง ส่วนทิวัตถ์มุ่งหน้าไปหาทรงพลที่บริษัทบอกว่าอยากคุยเรื่องแม่ แล้วยิงตรงด้วยคำถามที่ทำให้พ่อตกใจแต่พยายามเก็บกลั้นอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด

“นายปองภพ...คนที่ฆ่าแม่ผมเขามีลูกสาวใช่ไหมครับ แล้วหลังจากที่เขาตายเธอไปอยู่ที่ไหน”

“วินรู้ได้ยังไงว่าปองภพมีลูกสาว”

“ผมคุ้นๆน่ะครับ”

“แล้ววินถามทำไม...มีอะไรรึเปล่า”

“ผมแค่สงสัยน่ะครับ เผอิญผมไปเจอเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังเล่นสนุก ผมก็เลยรู้สึกคุ้นๆกับเสียงของเด็กผู้หญิงขึ้นมาน่ะครับ”

“เรื่องมันนานมาแล้ว...พ่อเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะลูก”

“ครับ...งั้นผมไม่กวนพ่อแล้ว เจอกันที่บ้านนะครับ”

ทิวัตถ์ตัดบทเพราะกลัวตัวเองจะแสดงพิรุธออกไปให้พ่อจับได้ ด้านลิลินที่มาสอนร้องเพลงให้ศุภารมย์แต่ถูกลูกศิษย์ซักถามเรื่องทิวัตถ์ไม่สบายหลังไปฟังเธอร้องเพลงที่ผับเมื่อคืนก่อน ลิลินเล่าว่าตนได้คุยกับเขานิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาอาการกำเริบ

“เก่งนะที่รู้ว่าวินมีอาการแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา”

“ทำไมจะต้องไม่กล้าล่ะคะ ในเมื่อมันเป็นความจริง... ถึงไม่พูด คนอื่นก็รู้อยู่ดี”

“ฉันไม่แปลกใจเลยที่เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้ ก็เพราะเธอกล้าหาญแบบนี้นี่เอง”

“คนอย่างฉันกล้าทำทุกอย่าง...ที่คิดว่ามันถูกต้อง”

“แต่ความถูกต้องไม่ได้เป็นฝ่ายชนะเสมอไป”

“คุณต่ายพูดเหมือนเคยทำอะไรผิดมาเลยนะคะ”

สองคนพูดลองเชิงกันไปมา มองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทิวัตถ์แอบมองอยู่เงียบๆ กระทั่งเห็นสาวใช้เข้าไปบอกศุภารมย์ว่ามีแขกมาพบจึงสบโอกาสเดินมาถึงตัวลิลินทันทีที่แม่ของตนคล้อยหลังไป ทิวัตถ์หน้าตาไม่เป็นมิตรถามลิลินว่ามาที่นี่ทำไม หญิงสาวทำตัวปกติบอกว่ามาสอนร้องเพลง

“ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว...คุณคือลูกสาวนายปองภพ!”

ลิลินอึ้งงัน ขณะนั้นศุภารมย์คุยกับหมอศรัณย์อยู่ในบ้านเรื่องอาการปวดหัวของทิวัตถ์ หมอต้องการคุยกับคนไข้ ศุภารมย์บอกว่าเขาไม่อยู่แต่ป้าจวนยืนยันว่าทิวัตถ์กลับมาแล้ว พอรู้ว่าเธอเรียนร้องเพลงอยู่ที่สวนหลังบ้านเขาก็รีบเดินไป

ทิวัตถ์กำลังคาดคั้นลิลินว่าเธอคือลูกสาวปองภพฆาตกรฆ่าแม่ของเขา หญิงสาวหมดทางแก้ตัวจึงยอมรับว่าตนเป็นลูกพ่อป้อง แต่พ่อไม่ใช่ฆาตกร เธอมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้พ่อ

“ทวงความยุติธรรมอะไร ในเมื่อทุกอย่างมันบอกอยู่แล้วว่าพ่อคุณคือฆาตกร”

“ไม่จริง...ฉันจับพิรุธครอบครัวคุณได้ มันต้องมีความลับบางอย่างแน่”

“นี่คุณกำลังกล่าวหาครอบครัวผมอยู่”

“ก็เหมือนที่พวกคุณกล่าวหาพ่อฉัน พ่อฉันไม่ใช่ฆาตกรฆ่าแม่คุณ”

“คุณคงรักพ่อกับแม่มากสินะ รักจนไม่เชื่อในหลักฐานทุกอย่างที่ฟ้องว่าคนคนนั้นคือพ่อของคุณ”

“ไม่จริง! คุณจำได้ไหมวันที่คุณไปช่วยฉันที่วัด วันรุ่งขึ้นลุงช่วยก็ตาย”

“แล้วมันเกี่ยวอะไร”

“เกี่ยวตรงที่ลุงช่วยคือพยานคนสำคัญที่บอกได้ว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ”

“แต่ผมเห็นกับตาว่าพ่อคุณเป็นคนผลักแม่ผม”

“คุณคิดว่าสิ่งที่คุณเห็นเป็นความจริงทั้งหมดหรือไง”

สองคนสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ระหว่างนั้นศุภารมย์พาศรัณย์เข้ามา ทิวัตถ์แปลกใจนิ่วหน้ามองหมอ ขณะที่ลิลินเห็นหมอศรัณย์ก็แอบยิ้มเพราะคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้

หลังจากทักทายกันแล้ว ศุภารมย์ถามทั้งคู่ว่าคุยอะไรกันอยู่ ลิลินลุ้นระทึกว่าทิวัตถ์จะพูดความจริงหรือไม่ ปรากฏว่าเขาทำให้เธอโล่งอกด้วยการบอกว่า

“ทักทายเรื่องทั่วไปครับ พอดีผมเห็นเธออยู่คนเดียว”

“จ้ะ...เออวิน คุณหมออยากคุยกับลูกหน่อยน่ะ”

ทิวัตถ์เดินนำหมอศรัณย์ไปนั่งเก้าอี้ในสวนอย่างว่าง่าย หมอซักถามเขาว่ามีอาการอะไรแปลกไปหรือเปล่านอกจากปวดหัว ชายหนุ่มนิ่งเงียบแต่สีหน้าอึดอัดเหมือนอยากพูดอะไร หมอสังเกตเห็นและถามตรงๆว่า

“คุณวินมีอะไรจะพูดกับหมอรึเปล่า”

“คือ...คือผมสงสัยครับว่าทำไมผมถึงปวดหัวหลังจากวันที่แม่ผม...” ทิวัตถ์เว้นวรรคสะเทือนใจที่จะพูดว่าแม่ตาย หมอเข้าใจชิงตอบคำถามทันทีว่า

“เพราะหัวคุณได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง”

“แค่นั้นจริงๆเหรอครับ”

“ครับ...คุณวินสงสัยอะไรเหรอครับ”

“ถ้าอย่างนั้นพอจะเป็นไปได้ไหมที่ความทรงจำของเราจะเปลี่ยนเองได้”

“ทำไมเหรอครับ”

“ถ้าเรามีคนที่รักมากคนหนึ่งและคิดว่าเขาคนนั้นเป็นคนดีมากๆ แล้วอยู่ๆใครคนนั้นทำอะไรที่เรารับไม่ได้ลงไป...สมองเราจะยังสั่งให้เชื่อแบบเดิมอยู่รึเปล่าครับ”

ท่าทางทิวัตถ์จริงจังมาก ศรัณย์เริ่มกังวลเพราะเขาถามแปลกๆเหมือนจะจำอะไรได้ จึงรีบขัดให้พอแค่นี้ก่อน แล้วพากันกลับเข้ามาในบ้าน หมอเห็นลิลินก็ทักอย่างสุภาพว่าเจอกันอีกแล้ว

“ค่ะ...รู้สึกว่าเราจะได้เจอกันบ่อยนะคะ”

“แล้วนี่หมอมารบกวนเวลาคุณหรือเปล่าครับ”

“ไม่ค่ะ เธอจะกลับพอดี” ศุภารมย์รีบตอบ

“จริงสิ...เพิ่งนึกได้ว่าช่วงนี้เพื่อนฉันมีเรื่องเครียดๆ อยู่พอดี หมอจะรังเกียจไหมคะถ้าฉันอยากปรึกษาเรื่องการรักษาความเครียดของเพื่อนฉันน่ะค่ะ”

“จะรังเกียจได้ยังไงครับ...ยินดีมากต่างหาก”

“ขอบคุณค่ะ” ตอบแล้วลิลินแอบมองกระเป๋าหมอศรัณย์อย่างหมายมาด

อนันยชพาวรรณิตเข้ามาเห็นทุกคน ชายหนุ่มทักทายหมอศรัณย์ วรรณิตก้มหน้าพนมมือไหว้หมออย่างนอบน้อม แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นหมอมีอาการตกใจเพราะหน้าตาเธอเหมือนศุภิสราราวกับคนเดียวกัน

“แหม...อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้มีอะไรพิเศษกันหรือเปล่าครับ” อนันยชเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ศุภารมย์เห็นอาการหมอศรัณย์ก็รีบตัดบทจะให้แยกย้าย “ไม่มีหรอก คุณลินเธอมาสอนแม่ร้องเพลง นี่ก็กำลังจะกลับแล้ว”

ลิลินรู้ว่าศุภารมย์พยายามจะกันเธอออกจากวงสนทนา แต่แล้วอนันยชก็พูดขึ้นมาพอดี

“อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะครับ นานๆจะอยู่พร้อมหน้า พร้อมตากันอย่างนี้ ผมว่าเราน่าจะนั่งดื่มชาด้วยกันหน่อยนะครับ”

แน่นอนว่าทิวัตถ์ก็ไม่อยากให้ลิลินอยู่ ตอบทันทีว่า “เธอคงไม่อยาก...”

“ได้ค่ะ” ลิลินแทรกขึ้นทั้งที่ทิวัตถ์ยังพูดไม่จบ แล้วแสร้งหันไปยิ้มแย้มกับอนันยชอย่างใสซื่อเหมือนไม่ได้มีแผนอะไร แต่ศุภารมย์กับทิวัตถ์ต่างก็มองเธออย่างไม่ไว้วางใจ

ooooooo

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 9 วันที่ 17 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ