อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 3 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 3 ม.ค. 58

“โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตาย ทำยังไงดีวะ” ศักดิ์สิทธิ์บ่นอุบหน้านิ่วคิ้วขมวด ผุดลุกผุดนั่งอย่างไม่มีทางออก
ทรงพลหลอกให้ทิวัตถ์รีบกลับบ้านด้วยการบอกว่าศุภารมย์หรือแม่ต่ายของเขาลื่นล้มในห้องน้ำ แต่คนอื่นในบ้านไม่มีใครรู้ความจริงจึงพากันแตกตื่นเป็นห่วง

ศุภารมย์ โดยเฉพาะอนันยชที่รู้ทีหลังทิวัตถ์ถึงกับโวยวายว่าทำไมไม่พาแม่ไปโรงพยาบาล



ทิวัตถ์บอกว่าแม่ไม่เป็นอะไรมาก แต่อนันยชก็ยังไม่ยอมเลยโดนศุภารมย์ตำหนิว่าอย่าทำตัวเกินกว่าเหตุ ทรงพลทราบดีว่าอนันยชน้อยใจจึงเปลี่ยนเรื่องเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีด้วยการชวนครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้าน แต่อนันยชกลับตอบประชดว่าตนขอตัวดีกว่า เดี๋ยวจะไปทำตัวเกินกว่าเหตุนอกบ้าน

ศุภารมย์มองตามลูกชายหน้าเครียด ทิวัตถ์รู้ว่าอนันยชไม่พอใจเดินตามไปคุยกันตามลำพังในห้อง จนอีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นแล้วชวนทิวัตถ์ไปเที่ยวผับในโรงแรมของศักดิ์สิทธิ์ที่คืนนี้ลิลินจะขึ้นโชว์เพลงไพเราะ แต่เจ้าตัวกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนเวลานี้ศักดิ์สิทธิ์กระวนกระวายนั่งไม่ติด กลัวแขกหนุ่มๆยันแก่จะไม่สบอารมณ์เพราะเขาไปโฆษณาเอาไว้มาก

ลิลินกลับมาทันเวลาพอดี เธอโกหกว่าไม่สบายไปหาหมอมาแต่ขากลับหลงทางก็เลยมาช้า แต่รับปากจะไม่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์และแฟนเพลงผิดหวังอย่างแน่นอน

ทิวัตถ์ห่วงอนันยชจะถูกลิลินปอกลอก จึงคอยจับตาและตั้งใจจะแฉให้เธอได้อาย พอได้ยินศักดิ์สิทธิ์ชื่นชมนักร้องคนใหม่เสียเลิศเลอก็ยิ่งหมั่นไส้มากขึ้น...ลิลินในชุดสวยสดออกมาครวญเพลงซึ้งๆ อนันยชเดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเพลงในความทรงจำของตนก็หวนนึกถึงอดีตเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

วันนั้น...อนันยชแอบเห็นศุภิสราซึ่งเป็นน้าสาวอาบน้ำในห้องพร้อมกับฮัมเพลงอย่างมีความสุข เขาย่องเข้าไปดูเพราะประตูไม่ได้ปิด ดวงตาเขาลุกวาวมองดูเรือนร่างเธออย่างหลงใหลและหมายปอง แต่พลันสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือหนึ่งจับไหล่เขา และคนคนนั้นก็คือศุภารมย์ที่สีหน้าแววตาโกรธจัดในการกระทำของเขา...

เวลาเดียวกันนั้น ศุภารมย์อยู่หน้าบ้านกำลังครุ่นคิดเรื่องราวในอดีตเช่นกัน ท่าทางเธอไม่สบายใจอย่างมาก รับสายจากใครบางคนแล้วกรอกเสียงไปว่า

“รู้แล้วใช่ไหมว่าตัวปัญหามันกลับมาแล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะจัดการยังไง แต่ถ้าเกิดมีใครต้องการรื้อฟื้นมันขึ้นมา...คุณคือคนแรกที่จะเจอกับปัญหานั้น ฉันอยากให้อดีตเป็นแค่อดีต”

เธอเน้นย้ำแล้ววางสายหันหลังจะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นทรงพลยืนมองอยู่ ไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรบ้าง แต่เขาถามเธอว่าคุยกับใคร

“อย่าใส่ใจเลยค่ะ ฉันแค่จะแบ่งเบาเรื่องบางเรื่องให้คุณเท่านั้นเอง” จบคำเธอทำท่าจะไป ทรงพลดึงมือเธอไว้ กล่าวอย่างนุ่มนวลค่อนไปทางหม่นเศร้าระคนสำนึกผิดว่า เราเคยทำผิดพลาดมาในอดีต ตอนนี้ตนไม่อยากทำผิดอีกแล้ว

“แล้วคิดว่าฉันอยากทำเหรอคะ” เธอเสียงแข็งจนอีกฝ่ายชะงัก เอ่ยเบาๆว่าตนเข้าใจ ศุภารมย์ผ่อนลมหายใจเพื่อสงบอารมณ์ ก่อนจะมองไปยังเบื้องหน้า เปรยขึ้นว่า

“คุณว่ามันแปลกไหม อยู่ๆหนูวรรณิตก็ปรากฏตัวขึ้น...แล้วตอนนี้วินยังต้องติดต่องานกับคนที่เป็นหลานของลูกน้องของนายปองภพ ทำไมทุกอย่างมันถึงช่างประจวบเหมาะกันอย่างนี้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา”

ทรงพลซึ้งใจ โอบไหล่ศุภารมย์เข้ามากอดอย่างขอบคุณ

ooooooo

ภายในผับ ลิลินทำหน้าที่ของตนได้ดีเยี่ยม ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมกึกก้องหลังร้องเพลงแรกจบลงด้วยน้ำเสียงหวานกังวานสุดประทับใจ

ทันทีที่เธอก้าวลงจากเวที มีลูกค้าคนหนึ่งตรงดิ่งมาจับมือแต่อนันยชเข้ามาขัดขวาง ตามด้วยศักดิ์สิทธิ์และทิวัตถ์ ลูกค้ารายนั้นจำได้ว่าพวกเขาเป็นคนใหญ่คนโตในจังหวัดจึงปล่อยมือนักร้องสาวแล้วเลี่ยงไปแต่โดยดี

ทิวัตถ์แปลกใจกับท่าทีของอนันยชกับลิลินที่เหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน ด้วยความข้องใจเขาเดินตามเธอไปมุมหนึ่ง เป็นโอกาสเหมาะที่ศักดิ์สิทธิ์ลากอนันยชออกไปอีกทาง

เพียงแค่เห็นหน้าเขา ลิลินก็เหนื่อยใจ ชิงขอร้องเสียก่อนว่าวันนี้ตนเหนื่อย มีอะไรให้รีบพูดมา ทิวัตถ์ไม่อ้อมค้อมถามว่าเธอกับวันเตี๊ยมกันเล่นละครใช่ไหม ถึงทำเหมือนไม่รู้จักกัน

“อ๋อ...คุณวันคนนั้นนั่นเองที่ให้คุณคิดว่าฉันหลอกเขา”

“ไม่ต้องมาทำพูดดี คิดว่าผมรู้ไม่ทันผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างคุณเหรอ”

“แล้วทำไมคุณไม่ไปถามพี่คุณเองล่ะ” ยอกย้อนแล้วเธอจะเดินหนีแต่เขาไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่ คว้าแขนเธอไว้ด้วยท่าทีข่มขู่

“ถ้าผมเอารูปคุณกับผู้ชายเมื่อตอนเย็นให้วันเขาดู คุณคิดว่าจะเป็นยังไง”

“จะเป็นยังไง ทุกคนก็จะคิดว่าคุณมันเป็นไอ้โรคจิตที่คิดเองเออเอง...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

เขาไม่ปล่อย แถมยังจับแน่นขึ้นอีกต่างหาก คาดคั้นให้เธอบอกความจริงมา...พูดไม่ทันจบ โดนเธอกระแทกเข่าเข้าที่ท้องจนจุกแอ่กร้องโอ๊ย

“ฉันกับคุณวันเพิ่งเจอกันวันนี้วันแรก...ถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันขอร้องอย่ามายุ่งกับฉันอีก” ลิลิน พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยทิวัตถ์จุกอยู่ตรงนั้นมองตามอย่างเจ็บใจ

ลิลินเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างหงุดหงิด ครุ่นคิดเรื่องของบุญช่วยที่วิทยาเล่าว่าแกยืนยันในความบริสุทธิ์ของนายจ้าง แต่หลังจากนั้นแกก็หายตัวไป...และอีกเหตุการณ์หนึ่งตอนลิลินยังเด็ก เธอเห็นตำรวจนายหนึ่งมาควบคุมตัวบุญช่วยออกจากบ้านในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับปองภพฆ่าผู้อื่น บุญช่วยไม่ยอมรับและทุ่มเถียงก็จะถูกยัดข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ลิลินได้ยินแต่ไม่เข้าใจอะไรนัก และที่สำคัญเธอเห็นหน้าค่าตาของตำรวจคนนั้นไม่ถนัดชัดเจนด้วย

คืนนั้นลิลินตัดสินใจโทร.หาปรมัตถ์มีเรื่องอยากให้ช่วย ปรมัตถ์รู้ทันจึงขอร้องให้เธอหยุด แต่เธอไม่ยอม พ่อของเธอต้องตายในคุกเพราะถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร ทั้งที่พ่อไม่ได้เป็นคนทำ

ตอนปองภพตายในเรือนจำ ลิลินหรือหนูลีเพิ่งเก้าขวบ แต่เธอก็รู้เรื่องหมดทุกอย่าง เสียงพ่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นฆาตกรดังก้องอยู่ในหูเธอจนทุกวันนี้!

“ลินจะไม่หยุด จนกว่าลินจะทวงความยุติธรรมให้กับพ่อของลิน และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพ่อลินไม่ได้เป็นฆาตกร”

“แล้วลินอยากให้มัตช่วยอะไร” ปรมัตถ์ถามมา ลิลินขยับเดินออกไปตามทาง โดยไม่รู้ว่าทิวัตถ์เห็นเธอและตามมาแอบฟังอยู่ไม่ไกล

“มัตจำข้อมูลของคนที่ลินให้หาได้ไหม ตอนนี้สิ่งที่ลินเจอกับข้อมูลที่มัตให้มา...ลินว่ามันมีความขัดแย้งกันหลายอย่าง”

ปรมัตถ์ถามลิลินว่าเจอเขาแล้วเหรอ เธอตอบรับและว่าตอนนี้เขาสติไม่ดีไปแล้ว

“สติไม่ดี?”

“ลินยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่ลินจำได้ บางทีแกอาจจะไม่ได้เป็นบ้าอย่างที่เห็น”

ทันใดเสียงมือถือทิวัตถ์ดังขึ้น ลิลินตกใจหันขวับไปแต่ไม่เห็นใคร ทิวัตถ์หลบมุมทำหน้าเซ็งเห็นว่าเป็นสิตาโทร.มา ส่วนลิลินรีบพูดกับปรมัตถ์ วานเขาช่วยหาข้อมูลให้หน่อย เธอมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นต้องแกล้งสติไม่ดีเพื่อหลบหนีอะไรบางอย่าง

ลิลินวางสายแล้วรีบออกไปจากตรงนั้นทันที แน่ใจว่ามีคนอยู่แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เธอเดินลิ่วไปเกือบจะชนกับศักดิ์สิทธิ์ แล้วฉุกคิดบางอย่างเอ่ยปากขอยืมรถโรงแรมอ้างว่ามีเรื่องจำเป็นจริงๆ ศักดิ์สิทธิ์ยินดีไม่มีปัญหา พอเธอคล้อยหลัง ทิวัตถ์ก็เดินแกมวิ่งมาเจอศักดิ์สิทธิ์ ถามเพื่อนรักว่าเห็นใครผ่านมาแถวนี้ไหม

“ไม่มีนะ จะมีก็แค่คุณลินที่มาขอยืมรถฉัน ท่าทางจะรีบร้อนไปไหนไม่รู้”

“ถ้าวันถามบอกว่าฉันไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ...เดี๋ยวฉันมา” ทิวัตถ์รวบรัดแล้วรีบวิ่งออกไปที่รถ ทิ้งศักดิ์สิทธิ์ยืนงง บ่นอุบว่างานอะไรของมันตอนสามทุ่มเนี่ยนะ

ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันไปไหน อนันยชโผล่มาอีกคน จะฝากเขาบอกทิวัตถ์ว่าตนไปที่อื่นต่อ ศักดิ์สิทธิ์ไม่รับฝากเพราะทิวัตถ์ไปแล้ว เห็นว่าจะไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ อนันยชไม่เชื่อ ก็พอดีเห็นสิตาเดินหน้าตั้งเข้ามาเลยเข้าใจแจ่มแจ๋ว่าทำไมทิวัตถ์ต้องรีบไป

สิตามาถึงก็ถามหาทิวัตถ์เพราะเพื่อนสาวของตนเห็นเขาที่นี่แล้วโทร.ไปบอก แต่สองหนุ่มช่วยกันยืนยันไม่รู้ไม่เห็น ก่อนที่อนันยชจะชิ่งหนีไปเพราะมีสาวๆรอเขาอยู่ ศักดิ์สิทธิ์เลยต้องผจญกับความเอาแต่ใจของสิตาที่โวยวายจะหาทิวัตถ์ให้ได้

ทิวัตถ์ขับรถตามลิลินที่นั่งรถโรงแรมไปถึงวัดที่มาเมื่อตอนบ่าย เธอให้รถมาส่งแล้วกลับไปไม่ต้องรอ ทิวัตถ์ไม่ปรากฏตัวค่อยๆเดินตามเธอไปห่างๆ และคิดว่าเธอคิดถึงไอ้หนุ่มบ้านทุ่งจนต้องขับรถมาหาดึกดื่นอย่างนี้

ลางสังหรณ์ของลิลินเป็นจริง บุญช่วยไม่ได้วิกลจริต เขานั่งอยู่ริมน้ำพร่ำพูดขอโทษปองภพถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาขี้ขลาดเกินไปจนทำให้ปองภพตกเป็นผู้ต้องหาและตายอยู่ในคุก บุญช่วยโดนสารวัตรศัลย์หักหลังให้สารภาพผิดทั้งที่ตนและปองภพไม่ได้ร่วมมือกันฆ่าคนตาย เพียงเพราะบุญช่วยต้องการให้วิทยาซึ่งเป็นหลานชายปลอดภัยพ้นจากเงื้อมมือของศัลย์

ขณะบุญช่วยนั่งเศร้าเสียใจ รำพึงรำพันเรื่องในอดีต ไม่คิดว่าศัลย์จะพรวดพราดถึงตัว พรางหน้าตาด้วยหมวกไหมพรมแต่กระนั้นบุญช่วยก็จำได้ ผงะตกใจและกระเสือกกระสนหนีตาย

“ฉันไม่คิดว่าแกจะกล้าย้อนกลับมาที่นี่”

“เรื่องทุกอย่างมันก็จบไปแล้วแกยังจะเอาอะไรกับฉันอีก แกให้ฉันใส่ร้ายคุณป้องว่าเป็นคนฆ่าผู้หญิงคนนั้น แล้วก็หักหลังยัดข้อหาให้ฉัน”

“ที่แกไม่ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นเพราะเรื่องมันยังดังอยู่ ฉันเลยต้องให้แกเข้าไปอยู่ในคุก ให้ลูกกรงปิดปากแก”

ศัลย์ยกปืนขึ้นมาหมุนที่เก็บเสียงใส่ปากกระบอกปืน บุญช่วยตกใจร้องลั่นอย่างกลัวตาย

“อย่า...อย่าทำผม...ผมสัญญา...ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”

“สิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันเชื่อว่าแกจะไม่พูดอะไร...

ก็คือฉันต้องเห็นแกตาย” ศัลย์เล็งปืนไปที่บุญช่วย พอดีลิลินวิ่งเข้ามาเห็น ร้องเรียกบุญช่วยดังลั่นและไม่คิดหน้าคิดหลัง กระโดดขี่หลังศัลย์ทันที พร้อมตะโกนบอกบุญช่วยให้หนีไปเร็ว

บุญช่วยรีบวิ่งไป ลิลินต่อสู้กับศัลย์อยู่ครู่หนึ่ง เธอพยายามดึงหมวกไหมพรมออกแต่ไม่สำเร็จ แถมตัวเองยังโดนศัลย์พาไปกระแทกต้นไม้หล่นจากหลังเขาลงมาจุกจนลุกไม่ขึ้น ศัลย์ไม่เห็นหน้าเธอแต่ก็เล็งปืนใส่เตรียมยิง ทันใดทิวัตถ์ส่งเสียงเข้ามา ปืนในมือศัลย์จึงหันไปตามเสียง

ทิวัตถ์พุ่งเข้าใส่ก่อนที่ศัลย์จะลั่นไก ทั้งคู่ชกต่อยต่อสู้กันจนกระทั่งทิวัตถ์กระชากเสื้อตัวนอกของอีกฝ่ายเผยให้เห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นตำรวจ ศัลย์โกรธจัดใช้ด้ามปืนกระแทกหน้าแข้งทิวัตถ์อย่างแรงแล้วจะยิงซ้ำ แต่พอเห็นหน้าเขาชัดๆก็ชะงักลดปืนลง

ลิลินฉวยจังหวะนี้เข้ามากระชากทิวัตถ์ให้รีบหนี... ด้านบุญช่วยวิ่งไปหลบแถวโกศกระดูกปองภพ ร่ำร้องขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนมัจจุราชจอมโหดจะไม่ลดละ เดินสวบๆตามมาจ่อปืนที่ด้านหลังบุญช่วยที่เบิกตาโตตกใจสุดขีด!

ooooooo

ลิลินประคองทิวัตถ์ที่เจ็บหน้าแข้งจนเดินกะเผลกไปขึ้นรถแล้วขับพาเขาหนีไปจากวัด ทิวัตถ์สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นซักถามเธอว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

หญิงสาวชะงักไป คิดว่าจะบอกเขายังไงดี แต่ระหว่างนั้นเสียงมือถือทิวัตถ์ดังขึ้น ศักดิ์สิทธิ์โทร.ตามจิกให้รีบมาเพราะสิตามารอเขาอยู่ที่โรงแรม ตนยืนยันว่าเขาไม่อยู่ก็ไม่เชื่อ เธอบอกว่าถ้าจะทำให้เธอกลับไปคือเขาต้องมาพาเธอไป แล้วอีกอย่างท่าทางเธอจะคิดว่าเขาไปกับลิลิน เขาต้องรีบมาเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเอง

“แกบอกเธอแล้วกันว่าติดต่อฉันไม่ได้...แค่นี้นะ” ทิวัตถ์ตัดบทดื้อๆ ศักดิ์สิทธิ์เรียกแล้วเรียกอีกแต่ไม่ทัน สิตาปรี่มาได้ยินก็คาดคั้นเป็นการใหญ่ ก่อนจะผละเข้าไปในผับอีกครั้งหลังจากไม่ได้คำตอบ...

ลิลินจะพาทิวัตถ์กลับโรงแรมแต่เขาไม่ยอมอย่างเด็ดขาด พอเธอซักด้วยความสงสัย เขาก็ทำเป็นดุด่าเพื่อกลบความกังวลของตัวเองเพราะสิตารออยู่ที่นั่น

“สมองคุณเอาไว้คิดแต่เรื่องผู้ชายหรือไง ถ้าไอ้คนนั้นมันตามมา คิดว่าโรงแรมของเจ้าสิทธิ์มันจะปลอดภัยหรือไง...ไปบ้านผม”

“ฮ้า! แล้วฉันล่ะ”

“ผมบอกว่าผมจะกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ไปก็ลงตรงนี้... เอาไง”

เธอมองเขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะขับต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก แล้วทันทีที่ถึงบ้านเธอก็ตั้งท่าจะกลับ แต่ทิวัตถ์ถามว่าตนจะขึ้นบ้านยังไง

“นี่...คุณแค่เจ็บขา ไม่ได้ขาขาดซะหน่อย”

“พูดจาอย่างนี้น่าจะปล่อยให้หัวเป็นรูจริงๆ”

“คุณไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณกับฉัน เพราะคุณตามฉันมาเอง”

“ใช่...เพราะผมอยากรู้ไงว่าผู้หญิงร้ายกาจอย่างคุณมันจะมีความลับที่ดำมืดน่าขยะแขยงอะไรบ้าง”

สองคนยังเถียงกันไม่เสร็จ ป้าจวนเดินออกมาได้ยินแว่วๆ แต่ในความมืดตรงสวนทำให้คิดไปเองว่าเป็นผีศุภิสรา รีบวิ่งกลับห้องนอนไปทันที ส่วนทิวัตถ์ที่ดึงลิลินหลบหลังพุ่มไม้แต่ดึงแรงไปหน่อยเลยล้มลงไปนอนทับกัน ปากประกบปากอย่างไม่ตั้งใจ แต่แล้วลิลินรีบลุกทันใด ทำหน้าแปลกๆ จนเขาถามค่อนแคะว่าเป็นอะไร หวังว่าคงไม่คิดจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ตน เพราะตนไม่อยากโดนพวกผู้ชายลับๆของเธอเข้าใจผิด แล้วเอาคนมายิงแบบเมื่อสักครู่

“อะไรนะ”

“ทำไม...ผมว่าอย่างคุณคงไม่มีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องชู้สาว...หรือจะเถียง”

ลิลินกำลังจะเถียง แต่แวบหนึ่งคิดว่าการที่ทิวัตถ์เข้าใจไปอย่างนั้นก็ดีเพราะเธอไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเธอกับบุญช่วยมีความเกี่ยวข้องกันยังไง

“รู้ไว้ด้วยว่าคนที่มองคนอื่นยังไง ตัวเขาเองก็มักจะเป็นอย่างนั้น”

“เธอว่าฉันเหรอ” เขาคว้ามือเธอด้วยความโกรธ

“อย่างคุณโดนแค่นี้มันยังน้อยไป...ต้องนี่” ว่าแล้วลิลินก็เตะไปที่หน้าแข้งทิวัตถ์ซ้ำรอยเดิมที่โดนด้ามปืน แล้วเดินหนีไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งเขาร้องโอดโอยเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น

เดินมาสักครู่เหมือนตัวเองเหยียบอะไรบางอย่าง เธอชะงักเท้าก่อนจะก้มลงเห็นดอกลีลาวดีสีขาวสะอาด มองไปเบื้องหน้าเห็นต้นตั้งตระหง่าน พลันก็จำได้ทันทีว่ามันคือต้นไม้แห่งความทรงจำ

ในวัย 9 ขวบ ลิลินเดินเล่นในสวนบ้านทรงพล เห็นดอกลีลาวดีหล่นที่พื้นจึงหยิบขึ้นมาสามสี่ดอกแล้วยิ้มมีความสุข แต่ทันใดเสียงสาวใช้ชื่อเจี๊ยบดังแว้ดขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ทำอะไรน่ะ” ลิลินหันไปมองสาวใช้ที่เดินหน้าตึงเข้ามาดุด่า “ไม่รู้หรือไงว่าลีลาวดีพวกนั้นเป็นของที่นี่”

“แต่หนูเห็นมันตกอยู่ที่พื้น”

“จะอยู่บนต้นของมันหรือจะตกอยู่ที่พื้น ถ้ามันอยู่ในบ้านนี้ก็เป็นของที่นี่...พ่อลูกนิสัยเหมือนกัน ชอบของคนอื่นใช่มั้ย”

เด็กหญิงลิลินสงสัยในคำพูดของเจี๊ยบ ระหว่างนั้นเสียงป้าจวนเรียกหาเจี๊ยบมาแต่ไกล เจี๊ยบชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ หันกลับมาดุเด็กน้อยอีกว่า

“อย่าคิดว่าพ่อแกเป็นชู้กับคุณผู้หญิงแล้วจะมาเดินเพ่นพ่านอย่างนี้ได้...ไป...ไปอยู่กับพ่อ อย่ามาเดินเกะกะแถวนี้”

เจี๊ยบกระชากดอกลีลาวดีในมือลิลินโยนทิ้งก่อนจะเดินออกไป ลิลินอึ้งด้วยความเสียใจ...ด้วยความไร้เดียงสาเด็กหญิงลิลินเก็บเรื่องนี้ไปคิดก่อนจะไปถามพ่อป้องหรือปองภพของตนว่า

“พ่อรักแม่มั้ย”

“แม่กับลูกคือสิ่งที่มีค่ากับพ่อมากที่สุด”

“แต่คนในบ้านนี้บอกว่า...”

“พ่อรักแม่มากที่สุด ไม่ว่าจะนานแค่ไหน หรือมีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้พ่อเลิกรักแม่ของลูกได้”

ลิลินได้ยินอย่างนั้นก็โผเข้ากอดพ่อสุดที่รัก...ความรัก และความอบอุ่นของปองภพส่งผ่านมาที่เธอ ทันใดสองพ่อลูกก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันและเสียงข้าวของตกแตกดังแทรกเข้ามา สองพ่อลูกมองไปภายในบ้านด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น!

จากนั้นไม่นาน ร่างใครคนหนึ่งหงายหลังตกลงมาจากระเบียงเสียงกรีดร้องบาดใจ ป้าจวนกับเจี๊ยบร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาดูแล้วยิ่งตกใจเมื่อเห็นว่าร่างนั้นคือศุภิสรา!

ลิลินถึงกับตะลึงงันเมื่อเห็นภาพการตายของศุภิสราต่อหน้าต่อตา เธอเงยหน้ามองขึ้นไปก่อนจะเห็นปองภพยืนอยู่ที่ระเบียง...

คืนนี้ลิลินที่พาตัวเองเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เธอหยุดยืนมองขึ้นไปยังชั้นบนตรงที่เคยเป็นที่เกิดเหตุ แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เค้นเสียงออกมาอย่างเคียดแค้น

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 3 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง เริ้มออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2558
ที่มา ไทยรัฐ