อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 13 วันที่ 26 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 13 วันที่ 26 ม.ค. 58

ลิลิ​นอ​ม​ยิ้ม​กับ​มุก​ตลก​ของ​ทิ​วัตถ์​ที่​ไม่​เคย​เห็น​มา​ก่อน ทิ​วัตถ์​บอก​ว่า​ไม่​อยาก​เห็น​เธอ​เครียด​เรื่อง​น้า​ชัย​มาก​เกินไป ทันใด​เขา​รู้สึก​เหมือน​มี​ใคร​จ้อง​มอง แต่​หัน​ไป​ไม่​เห็น​ก็​เลย​คิด​ว่า​ตัว​เอง​ตาฝาด

จังหวะนั้นกานดาโทร.มาถามเรื่องงานทิวัตถ์ ซึ่งเขาบอกว่าฝากไว้ที่คฑาวุธแล้ว...พอเขาวางสาย ลิลินก็ถามซอกแซกว่ากานดาทำงานกับพ่อของเขามานานหรือยัง


“นานแล้วนะ ตั้งแต่ผมยังเด็กๆ คุณถามทำไม”

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกถูกโฉลกยังไงก็ไม่รู้ แถมดูเป็นคนเรียบร้อย สงสัยเราคงมีอะไรคล้ายๆกันมั้ง แล้วนี่คุณกานดายังไม่มีครอบครัวเหรอ”

“ไม่มี...นี่ผมว่าวันนี้คุณตั้งคำถามกับผมเยอะแล้วนะ พอได้แล้ว หมดช่วงตอบคำถามแล้วครับคุณผู้หญิง เชิญเข้าห้องไปพักผ่อนได้แล้วครับ”

“แล้วคุณจะกลับเลยหรือเปล่า”

“ผมจะแวะไปหาไอ้สิทธิ์มันหน่อยแล้วค่อยกลับ”

สองคนส่งยิ้มให้กันก่อนแยกย้าย...ทิวัตถ์เดินพ้นห้องลิลินมาได้สักครู่รู้สึกเหมือนมีคนจ้อง แต่พอเหลียวมองก็ไม่เห็นมีใคร จนกระทั่งเขาเดินพ้นไป นพกรก้าวออกมา สีหน้าดุดันน่ากลัว!

ลิลินยังไม่เลิกคิดเรื่องกานดา อยากรู้ว่าใช่คนเดียวกับแม่ดาของตนหรือเปล่า เลยตัดสินใจเขียนจดหมายเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อให้รู้ความจริง โดยเนื้อหาระบุว่าขอโทษที่วันก่อนเธอไม่ได้ไปตามนัด เพราะช่วงนี้เธอกำลังคิดแผนเล่นงานคนที่ทำกับตนและพ่อป้อง แล้วตอนนี้เธอก็มีแผนจะเล่นงานคนที่ทำลายครอบครัวเธอได้แล้ว

แต่พอลิลินลงมาข้างล่างจะเอาจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงกานดาไปส่ง บังเอิญเจอปรมัตถ์ที่บอกว่ามาทำคดีใกล้ๆ จังหวัดนี้เลยแวะมาหา แต่ความจริงเขาเป็นห่วงเธอ พอรู้เรื่องจดหมายก็ถามกึ่งท้วงว่าคิดดีแล้วหรือที่จะส่งไป

“ถ้าลินไม่ทำอย่างนี้ ลินก็ไม่รู้ซะทีว่าคุณกานดาคือแม่ดาหรือเปล่า แล้วเรื่องที่ลินฝากมัตไปถามครูใหญ่ล่ะ”

“ครูใหญ่บอกไม่ได้ เพราะมันเป็นกฎของโรงเรียนระหว่างผู้อุปการะกับเด็กอย่างเราน่ะลิน แต่ครูใหญ่บอกได้อย่างเดียวว่าจดหมายนั่นถูกส่งมาที่จังหวัดนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกมัต...ลินจะส่งจดหมายนี้ไปที่บริษัท ลินบอกแม่ดาไปว่าลินจะจัดการกับพวกคุณทรงพลกับคุณต่าย แล้วถ้าแม่ดากับคุณกานดาเป็นคนคนเดียวกันจริงๆ รับรองว่าครอบครัวนั้นต้องมีการเคลื่อนไหวอะไรแน่นอน”

“แต่มันอันตรายเกินไป”

“แล้วมัตจะให้ลินทำยังไง”

“ลินเอาจดหมายมาให้มัต เดี๋ยวมัตเอาไปส่งที่นั่นเอง”

“ไม่ได้นะมัต” ลิลินห้ามเพราะเป็นห่วง แต่แล้วเหตุผลของปรมัตถ์ก็ทำให้เธอยินยอม

“ไม่ต้องห่วงมัตหรอก...ลินอย่าลืมสิว่าที่นั่นไม่มีใครรู้จักมัต ถ้ามัตเป็นคนถือจดหมายเข้าไปส่ง เขาคงคิดว่ามัตเป็นแค่คนส่งเอกสารธรรมดา แต่มัตอยากจะขออะไรลินสักอย่าง คืนนี้ลินว่างไหม มัตอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับลิน”

ลิลินอยากรู้ว่าเรื่องอะไร แต่ปรมัตถ์ทำลับลมคมในขอเก็บไว้คืนนี้ค่อยบอก

ooooooo

ตั้งแต่ได้ยินศักดิ์สิทธิ์สารภาพต่อหน้าอาม่าว่าชอบเธอ...วิชนีเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจากไม่ค่อยใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผมก็พิถีพิถันจนลิลินที่อยู่ร่วมห้องแปลกใจ แต่ไม่อยากรบเร้าเพราะคิดว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว แต่แล้ววิชนีกลับเป็นฝ่ายเล่าเสียเองด้วยท่าทีเขินอาย...

ปรมัตถ์นำจดหมายของลิลินมาฝากพนักงานในบริษัททรงพลไว้แล้วรีบกลับไป ช่วงนั้นเป็นเวลาใกล้เลิกงานจึงวุ่นวายพอสมควร ฝ่ายทรงพลกลับเข้าบ้านก็ทะเลาะกับศุภารมย์เรื่องกานดาอีก ศุภารมย์ประชดประชันเขาว่าวันนี้ไม่ได้ตั้งโต๊ะอาหารเพราะคิดว่าเขาคงกินมาจากนอกบ้านแล้ว

ทรงพลระงับอารมณ์ไม่ตอบโต้ต่อหน้าป้าจวน แต่เมื่ออยู่กันตามลำพังเขาก็พูดเรื่องกานดาขอลาออก อยากรู้ว่าฝีมือเธอใช่ไหม ศุภารมย์ยอกย้อนนิ่มๆว่า

“ทำไมคุณไม่คิดว่าบางทีต่อมจิตสำนึกชั่วดีของเธออาจจะเพิ่งทำงานก็ได้”

“ผมคิดไม่ผิดจริงๆว่าต้องเป็นฝีมือคุณ คุณจะทำอะไรทำไมไม่เห็นหัวผมบ้าง”

คราวนี้เธอของขึ้น สวนเสียงแข็งอย่างมีอารมณ์ “แล้วคุณล่ะคะเคยเห็นหัวฉันบ้างมั้ย ฉันที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคุณ...ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจ แล้วทำไมตอนนั้นคุณไม่เลือกแม่เลขานั่นมาเป็นเมียซะเลยล่ะ”

“หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้วนะ ถึงผมจะพูดอะไรไปคุณก็คงไม่เชื่อ”

“แล้วคุณลองพูดหรือยัง”

“คุณ!” ทรงพลโมโหและทำท่าจะบานปลายถ้าทิวัตถ์ไม่กลับเข้ามาเสียก่อน สองคนจำต้องสงบศึกเพราะไม่อยากให้ลูกรับรู้และไม่สบายใจ ทรงพลเดินหนีขึ้นข้างบน ส่วนศุภารมย์ออกตัวว่าไม่มีอะไร พ่อเขาเครียดเรื่องงาน แล้วถามทิวัตถ์ว่าวันนี้ไปไหนมา

“แม่ต่ายรู้ได้ไงครับ อ๋อ นพกรคงจะมารายงานแม่ต่ายแล้วสิครับ”

“แม่ก็แค่เป็นห่วง ตอนนี้หมอศรัณย์ไม่อยู่แล้วแม่ไม่อยากให้วินไปไหนมาไหนคนเดียว เกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะดูแล ทีหน้าทีหลังก็ให้นพกรไปด้วย แล้วจะทำอะไรก็ระวังหน่อย อย่าคิดว่าแม่อยู่แต่บ้านจะไม่รู้ไม่เห็นนะวิน”

ทิวัตถ์หลบสายตา รู้แน่แก่ใจว่าศุภารมย์จับตาดูตนตลอดเวลา แต่เข้าใจผิดคิดว่าแม่ส่งนพกรไป จึงผลุนผลันมาต่อว่าเขาในครัวก่อนจะกำชับไม่ให้ยุ่งเรื่องของตนอีก

นพกรโกรธแต่ไม่ตอบโต้...เก็บความแค้นไว้ในใจ รอวันชำระ!

ทิวัตถ์กลับขึ้นห้องไปได้สักครู่ สาวใช้ก็ถือโทรศัพท์บ้านไร้สายมาเคาะประตูเรียกเขา...ชัยนั่นเองที่โทร.มา ทิวัตถ์คาดไม่ถึง อยากพูดคุยด้วยใจจะขาดแต่ชัยกลับตัดบทอย่างเร็วว่า

“คุณวินอย่าเข้ามายุ่งกับผมอีกเลยครับ ผมยังไม่อยากเดือดร้อน ผมไม่มีอะไรแล้ว งั้นรบกวนคุณวินแค่นี้นะครับ”

“เดี๋ยวครับน้าชัย น้าชัยช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่แม่ผมเสียให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”

“คุณวินจะรู้ไปทำไมครับ”

“สำหรับน้าชัยมันอาจจะเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่น้าชัยไม่อยากพูดถึง แต่สำหรับผมมันคือจุดเปลี่ยนในชีวิตผม...นะครับน้าชัย”

ชัยใจอ่อน นัดเจอทิวัตถ์พรุ่งนี้โดยระบุเวลาและสถานที่ไว้เสร็จสรรพ...ไม่มีใครรู้ว่านพกรแอบฟังโทรศัพท์ที่พ่วงกันอีกเครื่อง ได้ยินทั้งหมดแม้จะไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าไหร่นัก

ทิวัตถ์ตั้งใจจะไปพบชัยคนเดียวโดยไม่บอกลิลินเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ คืนนั้นเขาจึง ไม่โทร.ไปเล่าให้เธอฟัง ขณะเดียวกันลิลินอยู่กับปรมัตถ์ในสวนของโรงแรมตามที่นัดกันไว้ เธอจำไม่ได้จริงๆว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา จึงไม่ได้เตรียมของขวัญ แต่ปรมัตถ์บอกไม่เป็นไร เขามีของจะให้เธอ

มันคือแหวนที่เขาเตรียมไว้สำหรับเธอตั้งแต่ตอนอยู่กรุงเทพฯ เขาตั้งใจให้แหวนวงนี้กับเธอ เพราะจากวันนี้ไปไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก

“ทำไมล่ะมัต”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้มัตรู้สึกสับสนน่ะ รับไว้สิลิน”

“ลินคงรับไว้ไม่ได้”

“รับไว้เถอะลิน ไม่ต้องห่วงว่าแหวนวงนี้จะผูกมัดอะไรลิน มันเป็นแค่ความรู้สึกของมัตที่มีต่อลินเท่านั้น อย่างน้อยก็ขอให้แหวนวงนี้เป็นตัวแทนของมัตได้อยู่ข้างๆลินเถอะนะ”

ลิลินปฏิเสธไม่ออก ปรมัตถ์ยิ้มพอใจ อยากบอกความในใจกับลิลินเหลือเกิน...

ooooooo

เช้าขึ้นทิวัตถ์เตรียมตัวออกจากบ้าน อ้างกับทรงพลที่ท่าทางสงสัยว่าตนจะไปช่วยงานศักดิ์สิทธิ์ แต่กลัวไม่เนียนก็เลยพูดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ถามพ่อว่ายังไม่ดีกับแม่ต่ายอีกหรือ

“แม่เราเขาฟังพ่อซะที่ไหน”

ขาดคำของทรงพล เสียงศุภารมย์ดังมาก่อนตัว “แล้วพ่อเราเคยคิดจะเล่าให้แม่ฟังบ้างไหมล่ะ”

ทรงพลไม่อยากต่อความยาวเดินหนีไป ทิวัตถ์ไม่สบายใจที่เห็นพ่อแม่มึนตึงใส่กัน ศุภารมย์สังเกตเสื้อผ้าลูกชายก็เดาได้ว่าจะออกไปข้างนอก เตรียมจะสั่งนพกรขับรถให้ แต่ทิวัตถ์ขัดเสียก่อนว่าวันนี้ตนไปเองได้

“ไม่ได้หรอกวิน...เกิดลูกเป็นอะไรขึ้นมาจะได้มีคนคอยดูแลลูกนะ เชื่อแม่เถอะ หรือลูกอยากให้แม่ไม่สบายใจ”

ทิวัตถ์เกือบจะจนแต้มอยู่แล้ว โชคดีที่อนันยช

โทร.หาศุภารมย์...เขาไปฮันนีมูนกับวรรณิตที่สวิสฯ แต่กลับก่อนกำหนดเพราะมีปัญหาระหองระแหงกัน ตอนนี้ลงเครื่องอยู่ที่สุวรรณภูมิ ต้องการคนมารับ ศุภารมย์ จะไปเองแต่ทิวัตถ์เสนอให้นพกรไป เขาไม่อยากให้แม่เหนื่อยขับรถไกลๆ เป็นอะไรขึ้นมาเขาคงต้องโทษตัวเองตลอดชีวิต

ที่สุดศุภารมย์ก็ใจอ่อน ทิวัตถ์เลยได้ขับรถไปหาชัยด้วยตัวเอง...ด้านศักดิ์สิทธิ์เพื่อนสนิทของทิวัตถ์ เวลานี้เขาทำใจดีสู้เสือมาพบอาม่าถึงบ้าน ทั้งที่ไม่เคยเยี่ยมกรายมาเป็นแรมปี ที่มาก็เพื่อขอเงินไปต่อทุนบริหารโรงแรม แต่อาม่าปฏิเสธเพราะเขาแค่มีแฟน ยังไม่ได้มีหลานให้ตนตามข้อตกลง

อาเม้งของอาม่าเลยแห้วรับประทานกลับไปคร่ำครวญกับปกติลูกน้องคนสนิท ก่อนที่จะพบวิชนีแล้วหลุดปากบอกเหตุผลที่บอกอาม่าว่าชอบเธอเพราะไม่อยากแต่งงานกับอาหมวยหมูตอนที่อาม่าหาให้ วิชนีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หาว่าเขาหลอกใช้แล้วเดินปังปังหนีไปโดยไม่ฟังเหตุผลที่แท้จริง

ศักดิ์สิทธิ์รักชอบวิชนีแต่ฟอร์มจัด ก็เลยพูดไปแบบนั้น ปกติเห็นใจเจ้านายจึงหาทางให้เขาได้ปรับความเข้าใจกับวิชนี เชื่อแน่ว่าวิธีของตนต้องชนะใจเธอได้

ฝ่ายทิวัตถ์ที่ได้พบชัยสมใจ เขาต้องการรู้ความจริงในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ชัยยืนยันเหมือนเดิมว่าตนไม่เห็นใครเป็นคนฆ่าศุภิสรา

“ช่างเถอะ แต่ที่ผมอยากรู้มากกว่านั้นคือวันนั้นน้าชัยพาพ่อกลับไปที่บ้านจริงๆใช่ไหม”

ชัยนิ่งคิดแล้วค่อยๆลำดับเรื่องราวในอดีตให้ทิวัตถ์ฟังว่า วันนั้นตนขับรถมาที่บ้านโดยมีทรงพลและกานดานั่งมาด้วย ทรงพลโทรศัพท์คุยกับศุภิสราบอกให้เธอใจเย็น แล้วบอกให้ตนจอดรถหลังบ้าน ไม่ให้กานดาลงไปเพราะกลัวศุภิสราจะคลุ้มคลั่งถ้าเห็นเธอ

ทรงพลหายเข้าไปในบ้านสักพัก กานดากับชัยที่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อก็ได้ยินเสียงปืนดังเปรี้ยง ไม่นานทรงพลกับศุภารมย์อุ้มทิวัตถ์ร่างโชกเลือดออกมาใส่รถ ห้ามไม่ให้กานดาถามอะไรทั้งสิ้น สั่งตนให้รีบไปโรงพยาบาล...

ทิวัตถ์รับฟังด้วยความสงสัย ถามชัยว่าทำไมพ่อกับแม่ต่ายถึงได้บอกว่าวันนั้นไม่มีใครอยู่ตอนที่แม่ต้อยตาย

“น้าชัยแน่ใจนะครับว่าไม่ได้จำเวลาผิด”

“แน่นอนครับ”

“แล้วทำไมน้าชัยต้องลาออก”

“ผมไม่ได้ลาออกครับ ผมถูกบังคับให้ออก เรื่องที่ผมรู้ก็มีเท่านี้ครับคุณวิน...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“แล้วน้าชัยจะไปไหน”

“ไปไหนก็ได้ครับ ถ้าขืนผมยังอยู่ที่นี่คงจะเป็นเหมือนคนอื่นๆ”

“ทำไม...เหมือนคนอื่นๆยังไง”

“อย่าถามอะไรที่ผมตอบไม่ได้เลยครับคุณวิน วันเกิดเหตุผมรู้เรื่องข้างนอกเพียงแค่นี้ ส่วนเรื่องที่อยู่ในบ้านคุณวินต้องไปถามคุณพลกับคุณต่ายเองครับ โชคดีนะครับคุณวิน”

ชัยผละไปแล้วทิ้งทิวัตถ์ยืนอึ้ง งุนงงและสับสน

ooooooo

การกลับมาก่อนกำหนดของอนันยชกับวรรณิตเป็นเรื่องเม้าท์กันสนุกปากของบรรดาคนรับใช้ในบ้าน ศุภารมย์เองก็สงสัยเช่นกัน ถึงอนันยชจะไม่เล่ารายละเอียดแต่ท่าทีของเขากับวรรณิตก็ชวนให้อดคิดไม่ได้ว่าต้องมีปัญหากันแน่ๆ

วาสนาไปรอรับทั้งคู่ที่สนามบินแล้วนั่งรถกลับมาที่บ้านทรงพลพร้อมกัน ยายทำทีว่าห่วงหลานแต่ความจริงอยากได้ของฝาก อนันยชที่ดูหงุดหงิดก็เลยแดกดันเข้าให้ก่อนจะอ้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อปกปิดว่าตัวเองทะเลาะกับวรรณิตด้วยเรื่องบนเตียง

วาสนาไม่รู้อะไร แต่ก็บ่นเป็นกระบุงว่าเป็นเมียต้องรู้จักปรนนิบัติพัดวีสามี มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนต้องใช้มันเข้าไป ต้องทำให้เขาติดใจ รับรองต่อให้สาวที่ไหนมายั่วเขาก็ไม่สน...

เย็นวันเดียวกันที่บริษัททรงพล กานดาเพิ่งได้จดหมายของหนูลี เพียงเธอเห็นชื่อนี้ก็ตกใจหน้าซีดเผือด!

ส่วนที่โรงแรมรอยัลเพิร์ลของศักดิ์สิทธิ์ ปกติพยายามเป็นกาวใจให้เจ้านายกับวิชนีโดยแนะนำวิธีเอาชนะใจสาวด้วยดนตรีและเสียงเพลงแสนซึ้ง ศักดิ์สิทธิ์เดินดีดกีตาร์และร้องเพลงออกมาง้อวิชนี ฝ่ายหญิงทำท่าจะเคลิ้ม ถ้าไม่ติดว่าก่อนหน้านี้ศักดิ์สิทธิ์สั่งให้เธอทำอาหารจำนวนมากเหมือนแกล้งกัน

เมื่อเธอเดินหน้าบึ้งหนีไป ศักดิ์สิทธิ์รีบวิ่งไปดักหน้า ยอมสารภาพอย่างหมดฟอร์มว่า

“โอเค...ฉันยอมรับว่าฉันโกหก ฉันเป็นคนให้คุณปกติลงไปสั่งให้เธอทำอาหารทั้งหมดเอง แต่ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะเวลาที่ฉันเห็นเธอเข้าครัวทำอาหารแล้วเธอดูมีความสุขนี่ แต่ในเมื่อตอนนี้โรงแรมไม่มีลูกค้า ฉันก็แค่อยากให้เธอยิ้มได้”

“นายอย่าคิดว่าตบหัวแล้วลูบหลังอย่างนี้แล้วฉันจะให้อภัยนายนะ”

ศักดิ์สิทธิ์ไม่ฟัง จับมือเธอไว้ เธอสะบัดก็ไม่ยอมปล่อย เลยโดนเธอกระทืบเท้าแทบร้องจ๊าก...

วิชนีฟอร์มเยอะไม่แพ้ศักดิ์สิทธิ์ เธอเดินจากมาด้วยใจที่ไหวหวั่น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข พอเห็นปกติยืนอยู่ก็ปั้นหน้าขรึมใส่

“เชฟนีโกรธคุณหนูจริงๆเหรอ”

“อืม...”

“แต่พูดก็พูดเถอะ ตั้งแต่ที่ผมทำงานกับคุณหนูมา ผมไม่เคยเห็นคุณหนูจะทุ่มเทให้ผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อนเลย เชฟนีเป็นคนแรกที่คุณหนูใส่ใจเลยก็ว่าได้นะครับ”

วิชนีปลื้มปริ่ม ถามย้ำว่าจริงเหรอ?

“จริงสิครับ...เชฟนีอย่าโกรธคุณหนูเลยนะครับ ถ้าจะโกรธก็โกรธปกติที่มีความคิดไม่ปกติแทนเถอะครับ”

“ทีหน้าทีหลังก็อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วกัน” จบคำเธอหันหลังซ่อนรอยยิ้ม ปกติเมียงมองสงสัย แต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

ooooooo

ทรงพลกลับเข้าบ้านเจอวรรณิตนั่งหน้าเศร้าในห้องรับแขก ทำท่าจะซักถามอย่างอาทร แต่ศุภารมย์แทรกเข้ามาชวนทั้งคู่กินข้าว ส่วนอนันยชที่ยังนอนหลับบนห้องให้ป้าจวนขึ้นไปตาม

ไม่นานนัก อนันยชก็เดินตามป้าจวนลงมาที่โต๊ะอาหาร วรรณิตก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา ศุภารมย์กับทรงพลรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด

“สวัสดีครับคุณน้า...ผมนึกว่าคุณน้ายังไม่กลับเลยไม่ทันได้หยิบของฝากติดมือลงมาให้”

“ขอบใจมากนะวัน เห็นแม่เราบอกว่าไปเที่ยวไม่สนุกเหรอ”

“ครับคุณน้า ไปกันสองคนจะสนุกอะไรล่ะครับ”

“ถ้าไปแล้วไม่สนุกกลับมาก็ดีแล้วล่ะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าอยู่กับคนที่เรารักยังไงก็มีความสุข... จริงมั้ย”

ศุภารมย์ได้ยินทรงพลพูดแขวะก็ขัดคอขึ้นว่า “มิน่าล่ะ...พักนี้คุณถึงได้ขลุกอยู่แต่ที่ทำงาน”

อนันยชรู้ทันทีว่าศุภารมย์กับทรงพลกำลังตึงๆกันอยู่ เปลี่ยนเรื่องคุย ถามถึงทิวัตถ์ว่ายังไม่กลับมาอีกหรือ

“วันมีอะไรหรือเปล่า”

“พอดีผมมีของฝากให้น้องด้วยน่ะครับ”

“เดี๋ยวคงใกล้กลับมาแล้วล่ะ...ทานข้าวเถอะ”

ขณะทุกคนลงมือกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศไม่สู้ดี ทิวัตถ์เดินครุ่นคิดอยู่ในสวนเรื่องที่ฟังมาจากชัย เขามองเข้าไปในบ้านเหมือนชั่งใจ ไม่กี่อึดใจต่อมาก็ตัดสินใจเดินเข้าไป...

ศุภารมย์ไม่อยากเห็นลูกชายมีปัญหากับลูกสะใภ้ จึงคะยั้นคะยอให้อนันยชตักกับข้าวให้วรรณิต

“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ณิตตักเองได้ค่ะ”

อนันยชไม่สบอารมณ์ รีบตักอาหารรสจัดใส่จานวรรณิตแล้วพูดประชดว่า “กินแต่ต้มจืดมันจะไปได้รสชาติอะไร ณิตลองทานนี่ดูบ้างสิ เผื่อจะทำให้ณิตมีรสชาติขึ้นมาบ้าง”

วรรณิตหน้าเจื่อนรู้สึกอับอาย ศุภารมย์ไม่ชอบใจเอ็ดลูกชายทำไมพูดแบบนั้น ควรให้เกียรติวรรณิตบ้าง

“แหมคุณแม่ครับ ผมก็แหย่เล่น ณิตคงไม่ถือผมอยู่แล้วใช่ไหม”

วรรณิตนั่งนิ่งสงบเสงี่ยม ทิวัตถ์เข้ามาเห็นอนันยชกับภรรยาก็ชะงักแปลกใจ ถามทั้งคู่ว่าฮันนีมูนสนุกไหม

“ก็งั้นๆว่ะ อยากให้ครอบครับเราไปกันให้หมดบ้าน ฉันว่าน่าจะสนุกกว่านี้”

“ฮันนีมูนนะไม่ใช่งานรับปริญญาถึงจะได้ยกโขยงไปกันหมด”

“เออนี่วิน ฉันมีของฝากนายด้วยนะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาให้” อนันยชกำลังจะลุกออกไป ทิวัตถ์รั้งเขาไว้ทันที

“วัน...อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวก่อนก็ได้...คุณพ่อ แม่ต่ายครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามทุกคนหน่อย”

ศุภารมย์เห็นทิวัตถ์สีหน้าเคร่งเครียด ถามอ่อนโยนว่า “ลูกมีอะไร...พักนี้ลูกดูเครียดๆไปนะ”

“ผมอยากรู้ว่าวันที่แม่ต้อยตายทุกคนยังอยู่ในบ้านใช่ไหมครับ”

คำถามของทิวัตถ์เล่นเอาทุกคนในโต๊ะอาหารชะงักกึก ยกเว้นวรรณิตคนเดียวที่ไม่รู้จักคุณต้อยหรือศุภิสราทั้งที่ตนเองหน้าเหมือนเธอราวคนเดียวกัน

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 13 วันที่ 26 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ