อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 12 วันที่ 24 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 12 วันที่ 24 ม.ค. 58

“ผมเองก็อยากรู้ไม่น้อยไปกว่าคุณ”

“แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก ผู้กำกับคงยังไม่ไว้ใจคุณ ว่าแต่คุณคิดออกไหมว่านอกจากผู้กำกับ...มีใครที่น่าจะมีข้อมูลให้เราได้อีก”

ทิวัตถ์ส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ ลิลินจับความรู้สึกเขาได้ ขอโทษว่าตนลืมไปว่าเขาเสียความทรงจำในวันนั้นไป


แยกจากลิลินแล้วทิวัตถ์กลับมาที่บ้าน เผอิญได้ยินทรงพลกับศุภารมย์พูดถึงหมอศรัณย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องว่าเป็นค่าใช้จ่ายปกติไม่เห็นมีทีท่าจะแบล็กเมล์...ทิวัตถ์ไม่เข้าใจ พอเห็นทั้งคู่ยุติการสนทนาก็เดินเข้ามาถามว่ายังไม่นอนกันอีกหรือ

“พ่อกับแม่นั่งคุยกันนิดหน่อย แล้วเราล่ะ พ่อคิดว่าขึ้นไปนอนแล้วซะอีก”

“ผมเพิ่งกลับมาน่ะครับ”

“แล้ววินได้ข่าวอาหมอหรือยังลูก”

“ครับ ผมเห็นในหนังสือพิมพ์แล้วครับ เราจะไปงานศพอาหมอเมื่อไหร่ครับ”

“แม่ให้คฑาวุธเป็นตัวแทนไปแล้ว พักนี้บ้านเรามีแต่เรื่องวุ่นๆ ถ้าเลี่ยงการไปงานศพได้ก็ดี”

ทิวัตถ์นิ่งคิดลังเลก่อนตัดสินใจถามเรื่องผู้กำกับทรงเผ่าที่เจอในงานแต่งอนันยช รู้สึกว่าเขาโดนจับตาดูเป็นพิเศษ ศุภารมย์ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ก็แค่สงสัยว่าเขามาร่วมงานได้ยังไงเพราะตนลืมส่งการ์ดเชิญไปให้

“จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารนะครับ แกอยู่คนเดียว ครอบครัวก็ไม่มี”

“ถึงแกจะอยู่คนเดียว แต่แกก็สุขสบายดี มีเงินใช้ไม่ขาดมืออยู่แล้ว”

“เป็นข้าราชการก็อย่างนี้แหละวิน เกษียณแล้วก็ยังได้เงินบำเหน็จบำนาญใช้อยู่ตลอด”

ทรงพลกับศุภารมย์ช่วยกันเบี่ยงเบนประเด็นหวังให้ทิวัตถ์เลิกถาม แต่ลูกชายก็ยังไม่วายบ่นว่าดูท่าทางทรงเผ่าไม่ค่อยสบาย“แล้ววินจะถามไปทำไม”

“คือผมอดเปรียบเทียบกันไม่ได้ ครอบครัวเรามีพร้อมทุกอย่าง ผิดกับอีกครอบครัวที่ต้องสูญเสีย

ทุกอย่างไป ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย...ถ้าเราต้องเสียอะไรบางอย่างไปเพื่อช่วยอีกครอบครัวหนึ่งได้ ก็น่าจะดีนะครับ”

สองสามีภรรยาเริ่มเอะใจในคำพูดทิวัตถ์ว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับทรงเผ่า พอลูกชายผละไป ก็บ่นกันด้วยความสงสัย หรือว่าทรงเผ่าจะแอบคุยกับทิวัตถ์เมื่อวันงาน แต่ศุภารมย์ยืนยันว่าวันงานทิวัตถ์ไม่มีโอกาสคุยกับทรงเผ่าเลยด้วยซ้ำ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ตัวคนเดียว

ศุภารมย์จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ทิวัตถ์ถามทรงพลเรื่องลูกสาวปองภพ หรือว่าความทรงจำเขาจะกลับมา ทรงพลกังวลทันที เพราะตอนนี้หมอศรัณย์ไม่อยู่แล้ว แต่ถึงยังไงก็จะให้คนอื่นรู้เรื่องวันนั้นไม่ได้ ศุภารมย์จึงตั้งใจจะหาหมอคนใหม่มารักษาทิวัตถ์ต่อไป

คืนนี้ ลิลินเขียนจดหมายถึงแม่ดาผู้มีพระคุณ เล่าเรื่องที่ตัวเองพยายามจะเปิดเผยความจริงว่าใครคือ ฆาตกรฆ่าศุภิสรา...แล้วฉุกคิดได้ว่ามีบางคนที่จะพาเธอไปหาเบาะแสได้อีก

เช้าขึ้น กานดามาทำงานตามปกติแต่พอเห็นจดหมายฉบับหนึ่งก็ตกใจอุทานว่าเป็นไปไม่ได้...จากนั้นไม่นานทรงพลได้รับการติดต่อจากใครบางคนแล้วมีท่าทีร้อนรนจนศุภารมย์สงสัย แต่ถามก็ไม่ได้คำตอบอะไรนอกจากเขาบอกว่ามีงานด่วนต้องรีบไป

ส่วนที่โรงแรมของศักดิ์สิทธิ์ที่เวลานี้แทบจะกลายเป็นโรงแรมร้างไปแล้ว ผู้คนไม่มาพัก พนักงานก็ลาออก ศักดิ์สิทธิ์อยากจะทำตามข้อเสนอของอาม่าที่อยากได้หลานแลกเงินสามสิบล้าน แต่การเลือกผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกไม่ใช่เรื่องง่าย

เวลาเดียวกัน ลิลินกับวิชนีกำลังสงสัยว่าใครกันส่งกล่องใส่ดอกลีลาวดีมาวางหน้าห้อง ครั้นทิวัตถ์โทร.มา ลิลินนึกว่าเป็นเขา ถามอ้อมไปอ้อมมาแต่น้ำเสียงเขาที่ตอบกลับมาดูงงๆ ก็เลยเลิกพูด พอทิวัตถ์บอกว่าเมื่อคืนเขาได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องหมอศรัณย์ เหมือนสงสัยว่าหมอกับทรงเผ่าร่วมมือกันแบล็กเมล์ท่าน ลิลินตาวาวลืมเรื่องดอกไม้ไปทันที

“นี่คุณ...แล้วคุณรู้หรือยังว่าจะหาเบาะแสใหม่ได้จากที่ไหน”

“ฉันจะโทร.บอกคุณเรื่องนี้เหมือนกัน เดี๋ยวบ่ายนี้จะมีของบางอย่างไปส่งที่บ้านคุณ”

“ของอะไร”

“ของที่จะทำให้ครอบครัวคุณพาเราไปหาเบาะแสใหม่ยังไงล่ะ”

ทิวัตถ์ฟังแล้วชะงัก อยากรู้เหลือเกินว่าลิลินจะทำอะไรกันแน่

ooooooo

เห็นศักดิ์สิทธิ์ยังคงท้อแท้เรื่องกิจการโรงแรม วิชนีตัดสินใจพาเขาไปเดินตลาดสดเพื่อให้เขาได้เห็นถึงความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ขายที่ไม่ได้สุขสบาย ขายของได้บ้างไม่ได้บ้างแต่พวกเขาก็อยู่ได้ ทั้งที่มีภาระค่าใช้จ่ายจิปาถะไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าร้าน ค่าเช่าบ้าน ค่ารถ ค่าเทอม ค่านมลูก

ศักดิ์สิทธิ์เริ่มเข้าใจถึงปัญหาชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญ เขายอมมานั่งกินขนมจีนน้ำยาธรรมด๊าธรรมดากับวิชนีอย่างเอร็ดอร่อย ต่อด้วยไปเล่นเกมเด็กๆกันในห้างสรรพสินค้าอย่างสนุกสนาน แล้วสุดท้ายเขาก็ยอมเล่าเรื่องเศร้าในวัยเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ เขาเลยต้องขึ้นเป็นผู้บริหารโรงแรมตั้งแต่วัยรุ่น วิชนีหน้าสลดด้วยความเห็นใจ ไม่คิดว่าชีวิตเขาจะมีมุมน่าเศร้ากับเขาด้วย

“ช่างเถอะ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว วันนี้ฉันก็คิดได้แล้วล่ะ ในเมื่อครั้งแรกเราเล่นเกมแล้วแพ้...ก็แค่ หยอดเหรียญแล้วเริ่มเล่นใหม่จนชนะได้ ชีวิตคนเราก็คงเหมือนกำลังเล่นเกมเกมหนึ่ง แค่จะชนะเมื่อไหร่เท่านั้น”

“โอ้โห...นายคิดได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฉันรู้สึกภูมิใจแทนอาม่านายยังไงก็ไม่รู้...โอ้อาเม้งของอาม่า”

วิชนีแกล้งยอและทำหน้าล้อเลียน ศักดิ์สิทธิ์หมั่นไส้...แล้วสองคนก็ลุกขึ้นวิ่งไล่กันเหมือนเด็กๆ สนุกจนลืมความทุกข์กันไปเลย

กลับถึงโรงแรม ศักดิ์สิทธิ์บอกวิชนีอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันพร้อมจะสู้เพื่อโรงแรมที่ฉันรักแล้วนะ”

“ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนความคิดเร็วจัง”

ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มแก้มตุ่ยไม่ตอบ อยากรู้ว่าเมื่อสักครู่เธอจะพูดอะไร

“ฉันแค่จะถามว่านายโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม แต่คงไม่ต้องถามแล้วล่ะ”

“ขอบคุณนะ...ที่ช่วยทำให้ฝันของฉันเป็นจริง” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยเขินๆแล้วรีบเดินหนีไปพึมพำอยู่คนเดียวว่า “ฉันกลับมาสู้ต่อได้...ก็เพราะเธอนั่นแหละ”

วิชนีได้ยินแว่วๆ ยืนตัวแข็ง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ooooooo

คืนนั้นทรงพลกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนศุภารมย์ที่จับสังเกตสงสัย แสร้งถามจับผิดเขาว่าไปหาลูกค้าทำไมกลับเร็วนัก แล้วเป็นอะไร ทำไมดูเครียดๆ

“เรื่องงานน่ะ...มีปัญหานิดหน่อย”

ศุภารมย์ไม่เชื่อแต่ไม่ทันได้รุกหนักเพราะทิวัตถ์ลงมาจากชั้นบนพอดี ถามพ่อว่าไม่ได้ไปกินข้าวกับลูกค้าหรอกหรือ

“พอดีลูกค้าติดธุระน่ะ พ่อเลยกลับมาก่อน”

ทรงพลหันไปเห็นศุภารมย์ยังมองตนเองอยู่ เขารีบหลบตา แต่ระหว่างนั้นยอดก็หน้าตื่นเข้ามาเรียนเจ้านายว่ามีกล่องอะไรไม่รู้วางอยู่หน้าบ้าน

“กล่องพัสดุใช่ไหม” ทิวัตถ์ถามเพราะนึกถึงคำพูดลิลินเมื่อตอนกลางวัน

“ไม่ใช่ครับ เพราะที่กล่องไม่มีแสตมป์กับชื่อคนส่งจ่าหน้าเลยครับ”

ทุกคนแปลกใจ ยอดเดินนำไปหน้าบ้าน ทิวัตถ์จะหยิบกล่องขึ้นมาแต่ศุภารมย์รีบห้ามเพราะกลัวจะเป็นระเบิด แต่ทิวัตถ์บอกว่าไม่น่าใช่...พูดแล้วเขาหยิบกล่องขึ้นมาเปิดดูพร้อมทุกคน สิ่งของในกล่องไม่ได้น่ากลัวแต่น่าตกใจมากกว่า เพราะมันคือสำเนาหนังสือพิมพ์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พาดหัวข่าวการตายของศุภิสราพร้อมข้อความว่า “ฉันรู้ความลับของพวกแก”

“นี่มันอะไรกัน ใครกล้ามาเล่นพิเรนทร์แบบนี้” ทรงพลพูดแล้วสบตาศุภารมย์ที่ตื่นตระหนกไม่น้อย ทิวัตถ์ ลอบมองและทำนิ่งเฉยทั้งที่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

ลับหลังทิวัตถ์...ทรงพลคาดเดาอาจเป็นฝีมือทรงเผ่าหรือศัลย์ แต่ศุภารมย์สวนว่า

“หรือไม่ก็เป็นเลขาฯของคุณ อย่าลืมสิคะว่าวันนั้นกานดาก็อยู่ด้วย”

“อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าเป็นกานดา”

“ฉันก็แค่สงสัย แต่คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะกานดาคงไม่ทำร้ายคนที่เธอรัก...จริงไหมคะ”

“เวลาอย่างนี้คุณไม่ควรเอาเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาพูด แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เราต้องหาตัวมันให้พบ ก่อนที่มันจะคิดลงมือทำอะไร” ทรงพลแววตาขึงขังเอาจริงขึ้นมา

ทิวัตถ์ที่แอบฟังอยู่ค่อยๆถอยออกมา แล้วโทร.ไปติงลิลินว่าไม่น่าใช้วิธีนี้ เขาอยากรู้ว่าเธอต้องการอะไร

“ที่ฉันทำอย่างนั้น...ก็เพื่อทำให้ครอบครัวคุณสงสัยใครคนหนึ่ง แล้วพวกเขาจะนำทางเราไปหาคนคนนั้นเอง”

ทิวัตถ์นิ่งไป ความกังวลพอกพูนจนพูดไม่ออก...

แล้วเช้าวันใหม่ทรงพลก็ตามตัวศัลย์มาดูสิ่งของที่ได้รับ ศัลย์มืดแปดด้านถามทั้งคู่คิดว่าคนส่งคือใคร

“ผมก็ยังไม่แน่ใจ คนที่รู้เรื่องก็มีแค่พวกเรา...

หมอศรัณย์...ทรงเผ่า...แล้วก็คนงานเก่า”

“ตัดหมอศรัณย์ออกไปได้เลย ส่วนพี่เผ่าก็ไม่น่าจะใช่ เขาไม่น่าจะโง่ทำอะไรตื้นๆ และที่สำคัญคุณพลกับคุณต่ายก็ไม่ต่างจากบ่อเงินบ่อทองของเขา เพราะฉะนั้นจะเหลือก็แค่...”

“เจี๊ยบ!! หรือว่าคนที่ส่งมาจะเป็นเจี๊ยบคนงานเก่าที่ฉันไล่มันออกไป เพราะหลังจากวันนั้นเธอก็หายสาบสูญไปไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย”

“มีทางเป็นไปได้ แล้วคุณต่ายสงสัยใครอีกไหมครับ”

“คนงานเก่ายังมีอีกคน...นายชัย” ทรงพลนึกได้ เพราะชัยเป็นคนขับรถให้เขาในวันเกิดเหตุ

“เอาเป็นว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ในข่ายที่เราต้องสงสัยไว้ก่อน แล้วจะให้ผมเริ่มจากใครก่อนดี”

หลังจากนั้นไม่นาน ศัลย์ขับรถออกจากบ้านทรงพลโดยไม่รู้ว่าลิลินกับทิวัตถ์แอบสะกดรอยตามด้วยรถคันเล็กของศักดิ์สิทธิ์ที่ทิวัตถ์ขอยืมมา

“ทีนี้คุณจะเชื่อฉันได้หรือยังว่าพ่อแม่คุณจะพาพวกเราไปหาเบาะแสคนต่อไปได้จริงๆ”

“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น” ทิวัตถ์มองหน้าลิลินแล้วเร่งความเร็วตามรถศัลย์ไปติดๆ

ตามไปถึงชุมชนแห่งหนึ่ง ทิวัตถ์กับลิลินถามชาวบ้านจนรู้ว่าศัลย์มาตามหาชัย แต่ชาวบ้านคนนั้นบอกว่าชัยไปเป็นคนขับรถให้เศรษฐี ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

ทิวัตถ์เชื่อว่าชัยต้องรู้เห็นเหตุการณ์วันนั้น ศัลย์ถึงได้ตามหา ลิลินจึงชวนทิวัตถ์ตามศัลย์ต่อไป แต่ไม่ทันออกจากชุมชน ศัลย์ก็โผล่มาดักหน้าถามทั้งคู่ว่ามาทำอะไรที่นี่ คงไม่ได้บังเอิญผ่านมาใช่ไหม ทิวัตถ์หัวไวบอกว่าลิลินเป็นครูอาสาสอนเด็กร้องเพลงอยู่ที่โรงเรียนแถวนี้

“ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณลินก็ใจบุญสุนทาน ทีแรกผมก็คิดว่าคุณวินกับคุณลินจะมาหาใครแถวนี้ซะอีก”

“แล้วคุณคิดว่าพวกเรามาหาใครล่ะคะ”

“คุณคิดว่าผมหมายถึงใคร...ก็พวกเด็กๆที่คุณต้องไปสอนไง”

“กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ เพราะถึงยังไงพวกเราคงไม่ใช่คนที่คุณกำลังหาอยู่”

ศัลย์ยอมหลีกทางและมองตามลิลินกับทิวัตถ์ไปด้วยความสงสัย

ooooooo

วันเดียวกันนี้ อาม่าของศักดิ์สิทธิ์มาที่โรงแรมอีกครั้ง แล้วเกือบได้เห็นหลานชายอยู่กับวิชนีในห้องส่วนตัว พอเธอเตรียมจะคาดคั้น หลานชายก็วิ่งหายไปดื้อๆ

วิชนีตั้งใจนำอาหารขึ้นมาให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่คิดว่าอาม่าจะโผล่มาได้จังหวะพอดี สองคนวิ่งหนีออกไปยืนหอบแฮ่ก แต่ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ยอมบอกเงื่อนไขของอาม่าที่จะยอมให้เงินมากอบกู้โรงแรมก็ต่อเมื่อเขาต้องมีลูกเมียเสียก่อน

ทิวัตถ์กับลิลินกลับมาถึงโรงแรมแล้วเจอชัยอย่างไม่น่าเชื่อ! ชัยขับรถให้อาม่าของศักดิ์สิทธิ์ หลังลาออกจากบ้านทรงพลมา

“อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมผมไม่เคยเจอน้าชัยเลย”

ได้ยินคำถามของทิวัตถ์ ชัยนิ่งเงียบเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ยิ่งพอทิวัตถ์ถามว่าจำเหตุการณ์วันที่แม่ของตนเสียชีวิตได้ไหม ชัยถึงกับสะอึกอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนปฏิเสธว่า

“วันนั้นน้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรหรอกนะครับ คุณพลให้น้านั่งรอในรถกับคุณกานดา แล้วน้าก็เห็นแค่คุณพลอุ้มคุณวินที่หัวแตกเลือดไหลเต็มตัวมาให้น้าพาไปส่งที่โรงพยาบาล”

“แล้วน้าชัย...”

“ได้โปรดอย่าซักไซ้อะไรน้าอีกเลยครับ เรื่องอื่นน้าไม่รู้อะไรจริงๆ ถ้าคุณวินอยากรู้อะไรลองไปถามคุณ กานดาดูนะครับ”

ขาดคำของชัย อาม่าเดินหงุดหงิดเข้ามาพอดี ทิวัตถ์กับอาม่าทักทายกันอย่างคุ้นเคย ก่อนที่อาม่าจะมองๆ ลิลินแล้วชมทิวัตถ์มีเมียสวยไม่เบา เมื่อไหร่จะมีลูกเต้ากันเสียที

“เอ่อ...นี่คุณลินนักร้องประจำผับของนายสิทธิ์ครับอาม่า...ไม่ใช่แฟนผม”

อาม่าชะงักกึก มองลิลินตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนจะเข้าไปกระซิบทิวัตถ์ “ไอ้หยา...นี่ลื้อสนใจพวกผู้หญิงเต้นกินรำกินกับเขาด้วยเหรอ ระวังโดนอีฮุบสมบัติหมดล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าอาม่าไม่เตือน”

“เธอไม่ใช่คนอย่างที่อาม่าคิดหรอกครับ”

“เหรอ...ก็ดี...งั้นอาม่ากลับก่อนนะ แล้วถ้าลื้อเจออาเม้งเมื่อไหร่ฝากบอกอีด้วยว่ายังไงก็หลบอาม่าไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก”

ทิวัตถ์กับลิลินยกมือไหว้อาม่าแล้วมองตามชัยไปอย่างน่าเสียดาย ทิวัตถ์จับคำพูดเมื่อสักครู่ของชัยมาวิเคราะห์ก่อนเอ่ยกับลิลินว่า

“วันนั้นพ่อกับแม่ต่ายบอกผมว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แต่ทำไมน้าชัยถึงบอกว่าพ่อเป็นคนอุ้มผมลงมา”

“ทีนี้คุณเชื่อฉันหรือยังว่าวันนั้นมีคนอยู่ในบ้านคุณจริงๆ”

ทิวัตถ์นิ่งเงียบอย่างจำนน...เวลาเดียวกันนั้น ศัลย์อยู่ที่บ้านทรงพลกำลังคุยกับศุภารมย์เรื่องเจอทิวัตถ์กับลิลินในชุมชน

“คุณวินบอกว่าคุณลินมาเป็นครูอาสาสอนร้องเพลงให้เด็กที่นั่น ผมว่าระยะนี้คุณวินดูท่าทางแปลกๆนะครับ”

“วินดูไม่แปลกหรอก ถ้าไม่มีใครเอาอะไรไปเป่าหูเขา”

“คุณต่ายหมายถึงคุณลิน”

“ใช่...แววตาเด็กคนนั้นเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากครอบครัวฉัน ยังไงรองฯก็ช่วยดูๆหน่อยแล้วกัน”

เสียงมือถือศุภารมย์ดังขัดจังหวะ เธอรับสายทรงพลที่โทร.มาบอกว่าวันนี้จะกลับบ้านดึกต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ศุภารมย์ไม่ค่อยเชื่อ ซักเป็นชุดว่า “เมื่อวานก็ไปกินเลี้ยงกับลูกค้า วันนี้ก็ไปอีก เหนื่อยแย่เลยนะคะ แล้วนี่ ลูกค้าจากบริษัทอะไรคะ”

“ลูกค้าใหม่น่ะ คุณยังไม่รู้จักหรอก”

“ถ้างั้น...เอาไว้วันหลังคุณพาฉันไปรู้จักด้วยก็แล้วกันค่ะ” ศุภารมย์วางสายอย่างไม่ไว้ใจในคำพูดทรงพล

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 12 วันที่ 24 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ