อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 11 วันที่ 23 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 11 วันที่ 23 ม.ค. 58

บรรดาคนรับใช้ในบ้านทรงพลพากันเม้าท์เรื่องงานแต่งอนันยชกับวรรณิตที่มีคนตายว่าเป็นเพราะผีคุณต้อยหรือศุภิสราเลยพากันกลัวขนหัวลุก ยกเว้นนพกรที่ไม่รู้จักแต่เขามีรอยช้ำที่คอทำให้ป้าจวนสงสัยว่าไปโดนอะไรมา

นพกรโดนยงยุทธบีบคอแต่บอกป้าจวนว่านอนตกหมอน แล้วแสดงท่าทีหงุดหงิดเมื่อแกยังซักไซ้เหมือนเขาไปฟัดกับใครมา สลวยซึ่งปลื้มนพกรรู้สึกเคืองแทน หาว่าป้าจวนชอบหาเรื่องเขาอยู่เรื่อย



ขณะที่คนรับใช้เม้าท์กันในครัว พวกเจ้านายกำลังเคร่งเครียดอยู่ในห้องรับแขก ทรงพลไม่ชอบใจที่เหตุการณ์เมื่อคืนถูกพาดหัวบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์จนเป็นข่าวครึกโครม แล้วถามศัลย์ที่เพิ่งมาถึงว่าได้เรื่องหรือยังว่าคนตายเป็นใคร

“ผู้ตายชื่อนายยงยุทธเป็นคนอำเภอบ่อทอง จังหวัดจันทบุรี”

ศุภารมย์จำได้ว่าวาสนาอยู่อำเภอบ่อทองเหมือนกัน ศัลย์ถามว่ามีใครเคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน อนันยชพยักหน้าก่อนขยายความว่าตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว รู้จักเพราะผู้ตายเคยมาติดพันวรรณิต และตนก็เคยต่อยเขาด้วย

“แล้ววันไปมีเรื่องกับเขาเมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย”

“โธ่ แม่ครับ...ผมเป็นลูกผู้ชายนะครับ”

“อย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับคุณวัน ถ้าไม่อยากเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดี คราวหน้านอกจากผมที่เป็นตำรวจมาถาม...คุณวันควรตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียว”

อนันยชรับปาก...ทิวัตถ์นิ่งคิดถึงลิลินก่อนถามความเห็นศัลย์ว่าจะเป็นไปได้ไหมว่ามีคนบงการให้ผู้ตายมาป่วนในงาน หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนใน

“มีโอกาสเป็นไปได้ทุกอย่างครับ คุณวินสงสัยใครเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“อ๋อ...ไม่หรอกครับ ผมแค่ลองถามดู”

“แต่ไอ้กุ๊ยนั่นก็แค่นักเลงที่มาติดคุณณิต ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลยนี่ครับ”

“วัน...ทำตามที่รองฯศัลย์บอกเถอะ แม่ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยาก”

“และเพื่อความปลอดภัยครับ”

ทิวัตถ์ได้ยินศุภารมย์และศัลย์พูดอย่างนั้นก็โพล่งขึ้นอย่างไม่ชอบใจนักว่า “แค่เรามีคนสนิทเป็นตำรวจเราก็บิดเบือนความจริงได้เลยเหรอ ฟังดูง่ายดีนะครับ”

“วิน...” ทรงพลปรามเสียงเขียว

“ผมแค่แปลกใจว่ามันจบง่ายขนาดนี้เลยเหรอ...ก็เท่านั้นเอง”

ศุภารมย์เห็นท่าไม่ดีรีบขัดก่อนที่พ่อลูกจะมีปากเสียงกัน “วิน...ลูกต้องไปหาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เหรอ”

“งั้นผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ” ทิวัตถ์ออกไปพร้อมอนันยช ศุภารมย์มองตามสีหน้ากังวล แล้วสองสามีภรรยาก็เดินนำศัลย์ออกมาคุยกันในสวน โดยไม่รู้ว่าทิวัตถ์กลับลงมาจากห้องเพื่อจะออกไปหาศักดิ์สิทธิ์จับตามองและแอบฟังอยู่เงียบๆ

ทรงพลขอบคุณศัลย์ที่ช่วยสอนอนันยชเรื่องการสอบปากคำ ศุภารมย์เสริมว่าโชคดีที่ศัลย์เป็นคนสอบปากคำเอง ถ้าอนันยชหลุดปากพูดแบบนี้กับตำรวจคนอื่นมีหวังเรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่...เมื่อทรงพลถามเรื่องกระสุนปืนปริศนาว่ารู้ตัวคนส่งหรือยัง ศัลย์ระบุว่าเหลือผู้ต้องสงสัยสองคนคือผู้กำกับทรงเผ่ากับหมอศรัณย์

“ถ้าเป็นผู้กำกับก็ไม่แน่ แต่หมอศรัณย์ ฉันคิดว่าไม่น่าใช่”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปดีกว่าครับ ยังไงทั้งสองคนต่างก็รู้ความลับในอดีตทั้งคู่ ถ้าผมรู้ตัวคนทำจะให้ผมจัดการเลยไหม”

“จะทำอะไรก็แล้วแต่...อย่าให้มันรุนแรงแล้วกัน”

“เพราะคุณต่ายใจอ่อนอย่างนี้เลยทำให้พวกมันกลับมาขู่เอาได้” ศัลย์ติงอย่างเกรงๆ ศุภารมย์ไม่พอใจสวนทันควันว่าเขาเป็นห่วงพวกตนหรือห่วงตัวเองกันแน่ ศัลย์นิ่งไม่โต้เถียง

“ถ้างั้นหาตัวให้ได้ก่อนว่าเป็นฝีมือใคร แล้วเราค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะจัดการกับมันยังไง”

“หวังว่ารองฯคงจะเจอตัวคนทำได้เร็วๆนี้นะ”

“ครับ” ศัลย์รับคำแล้วผละไป

ทิวัตถ์ได้ยินบทสนทนานั้นทั้งหมดสงสัยว่าความลับอะไร...นึกถึงคำพูดของลิลินที่ว่าทรงพลกับศุภารมย์ปิดบังความจริงบางอย่างอยู่ก็เอะใจ อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นความจริง

ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปพบลิลินที่โรงแรมของศักดิ์สิทธิ์พยายามคาดคั้นเธอเพื่อจับพิรุธก่อนจะกลายเป็นมีปากเสียงกันค่อนข้างแรง

“ถ้าเมื่อคืนไม่เกิดเรื่องขึ้นก่อน ไอ้แผนชั่วๆของคุณคงสำเร็จแล้วใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้ทำชั่ว ฉันแค่จะเอาความชั่วของครอบครัวคุณประกาศให้ทุกคนได้รับรู้”

“เรื่องอะไร เรื่องพ่อของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะเหรอ”

“ใช่...พ่อฉันบริสุทธิ์...พ่อฉันไม่ได้ทำอย่างที่ครอบครัวคุณใส่ร้าย”

“แล้วทำไมคุณถึงได้เชื่อนักล่ะว่าพ่อคุณไม่ได้เป็นคนทำ”

“พ่อป้องเป็นคนใจดี แม้แต่ตีฉัน พ่อยังไม่เคย”

“แค่ไม่ตีลูกจะเอามาบอกว่าพ่อเป็นคนดี มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคุณ”

“ครอบครัวใครใครก็รัก...ทำไม...หรือว่าพ่อแม่คุณวิเศษกว่าคนอื่นนักหรือไง ถึงได้เที่ยวดูถูกใส่ร้ายครอบครัวคนอื่น...ฉันหลงคิดว่าคุณจะแตกต่าง แต่ที่ไหนได้ คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละ”

จบคำเธอเดินลิ่วหนีไป ทิวัตถ์โมโหตามไปดึงแขนเธอไว้ ปรมัตถ์เข้ามาเห็นและพร้อมปกป้องลิลินเมื่อได้ยินทิวัตถ์จะเอาเงินฟาดหัวเธอเพื่อให้ยุติแผนชั่วๆ

ปรมัตถ์ชกปากทิวัตถ์อย่างเหลือทน ลิลินตกใจดึงเพื่อนของตนออกมาก่อนจะเสียงแข็งใส่ทิวัตถ์อย่างคับแค้นใจว่า

“ฉันบอกแล้วว่าคุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณ ปกป้องครอบครัวตัวเองโดยไม่สนใจว่ามันจะไปทำร้ายครอบครัวคนอื่น หัดยอมรับความจริงซะบ้าง ไม่ใช่คอยปิดบังความชั่ว แล้วให้คนอื่นมารับผิดแทน...จนพ่อฉันต้องตายในคุก”

ทิวัตถ์อึ้งไป ครั้นเห็นลิลินกับปรมัตถ์ออกเดินก็แสดงความโมโหฉุนเฉียว

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผมบอกให้คุณหยุด”

ลิลินหันกลับมาตอบโต้ทันควัน “พ่อฉันตาย ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนโมโห...ไม่ใช่คุณ”

“หรือผมควรจะยิ้มดีใจที่มีคนคอยจ้องใส่ร้ายคนในบ้านผม”

“เหรอคะ แต่ฉันว่าที่คุณโมโหเนี่ยเพราะกลัวที่จะรู้ความจริงแล้วจะรับมันไม่ได้ต่างหาก” เธอทิ้งท้ายแล้วเดินจากไปพร้อมปรมัตถ์ จากนั้นสองคนช่วยกันคิดอ่านจะทำยังไงต่อไปเพื่อให้ความจริงปรากฏว่าปองภพไม่ใช่ฆาตกร

“เมมโมรี่การ์ดก็ดันติดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ตำรวจยึดไป มัตพอจะรู้ไหมว่าจะได้คืนเมื่อไหร่”

“ก็คงต้องรอจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ แต่ที่คลินิกของหมอศรัณย์ก็น่าจะยังมีข้อมูลสำรองอยู่นะลิน”

“ข้อมูลสำรองเหรอ” ลิลินทวนคำ แววตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง

ooooooo

หลังจากเจอกันในงานแต่งงานอนันยชกับวรรณิตแค่ชั่วครู่ ทรงเผ่าก็มีความคิดบางอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองมากกว่าที่มีอยู่ เขาสืบรู้ที่อยู่หมอศรัณย์แล้วเดินทางมาเจรจาประสาคนเคยร่วมงาน กันเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ทรงเผ่าขอความร่วมมือศรัณย์ช่วยกันรีดเงินทรงพลกับศุภารมย์ ปรากฏว่าศรัณย์ไม่เล่นด้วย เพราะทุกวันนี้ตนก็สุขสบายดีอยู่แล้ว

“แล้วไม่อยากสบายกว่านี้เหรอ ในเมื่อผมก็มีความลับของคนบ้านนั้น หมอก็ต้องมีความลับของคนบ้านนั้นเหมือนกัน และดูจะไม่น้อยซะด้วย ทำไมเราไม่วางแผนอะไรร่วมกัน เผื่อจะได้ค่าขนมมาสักสิบยี่สิบล้าน”

“ผู้กำกับหมายถึงจะให้ผมร่วมมือเพื่อแบล็กเมล์คุณพลกับคุณต่าย”

“อย่าเรียกอย่างนั้นเลย เรียกว่าร่วมมือกันทำธุรกิจดีกว่า”

“ผู้กำกับคงจะหลังพิงฝาแล้วถึงต้องทำอย่างนี้ ถ้าผู้กำกับจะลงนรกก็เชิญไปคนเดียวเถอะ อย่าลากผมไปด้วยเลย...ขอตัว”

ศรัณย์ลุกหนีไปทันที ทรงเผ่าผิดหวังและเจ็บใจเดินบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด

“โง่...เป็นหมอนึกว่าจะฉลาด โอกาสแค่เอื้อมขนาดนี้ยังจะปล่อยมันไป...ไอ้โง่!” บ่นเสร็จมองไปตรงหน้า เห็นศัลย์ยืนอยู่ก็ชะงัก

“สวัสดีครับ...ผมคงไม่รบกวนเวลาคุยธุรกิจของพี่ใช่ไหม” ศัลย์ทักทาย

“แหม...เข้าใจพูดเล่นนะ ธุรกงธุรกิจอะไร ฉันแค่มาหากาแฟดื่ม”

“แล้วก็หาคนนั่งคุยเป็นเพื่อนอย่างหมอศรัณย์ด้วยหรือเปล่า...พี่จะซีเรียสทำไม ผมก็แค่เดาเล่น ก็เห็นว่าหมอศรัณย์พักอยู่ที่นี่”

ทรงเผ่ารู้สึกกำลังถูกศัลย์ไล่บี้ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นหงุดหงิด “ทำไม..วันนี้เจ้านายแกใจดี ยอมถอดโซ่ให้หรือไง”

“ผมแค่มีอะไรอยากให้พี่ช่วยดูหน่อย”

“จะขอความช่วยเหลือว่างั้น”

ศัลย์หยิบกระสุนปืนส่งให้ทรงเผ่าดู ก่อนไล่บี้ว่าเขาเป็นคนส่งให้ครอบครัวทรงพล คราวนี้ทรงเผ่าร้อนรนทันที

“ใครบอกแก...คนอย่างฉันนี่นะ ฉันจะส่งไปทำไม ในเมื่อเราก็ยืนอยู่ข้างเดียวกัน”

“แต่คนที่จะใช้กระสุนชนิดนี้ในจังหวัดนี้มีอยู่ไม่กี่คน”

“แล้วทำไมแกถึงคิดว่าเป็นฉัน...เจอลายนิ้วมือรึไง”

“ก็เพราะไม่เจอไงครับ เพราะคนที่ลบลายนิ้วมือ จะต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องพวกนี้ดี ซึ่งก็น่าจะเป็นคนในวงการตำรวจ”

“เก่ง...เก่งขึ้นเยอะนี่แก”

“ไม่ว่าพี่จะคิดจะทำอะไรอยู่ ผมขอร้องอย่าทำอีก พี่อย่าทุบหม้อข้าวตัวเองเลย”

“ตอนนี้แกอยู่ดีมีสุขก็พูดได้นี่ ต่อให้ทำดีแค่ไหนกับคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ ถ้าฉันไม่ช่วยเรื่องคดี พวกมันจะมีวันนี้มั้ย...และแก...อย่ามาสั่งให้ฉันหยุด”

“ถ้าผมทำอะไรรุนแรง พี่ก็อย่าโทษผมก็แล้วกัน”

“คิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างแกหรือไง ก็ลองดูสิ ถ้าฉันเป็นอะไร รับรองว่าคนทั้งประเทศก็จะได้รู้ในสิ่งที่พวกแกเคยทำไว้เมื่อ 15 ปีก่อนแน่”

ทรงเผ่ายิ้มเยาะแล้วเดินจากไปอย่างถือไพ่เหนือกว่า ทิ้งศัลย์ยืนหน้าเครียดแต่ไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆแน่

ooooooo

วาสนาพาวรรณิตมาส่งที่บ้านทรงพลตามสัญญากับอนันยชไว้แล้วจะให้คนรับใช้เรียกวรรณิตว่าคุณผู้หญิง ป้าจวนซึ่งไม่เคยชอบหน้าวาสนารีบค้านขึ้นว่า

“คงไม่ได้หรอกมั้งคะ เพราะบ้านนี้มีคุณผู้หญิงแค่คนเดียว”

“เพราะบ้านพ่อพลกับแม่ต่ายเลี้ยงคนแบบนี้ไว้ไง บ้านถึงไม่ปลอดภัย คนใช้อะไรเถียงเจ้านายฉอดๆ”

วาสนาเข่นเขี้ยวใส่ป้าจวน พออีกเดี๋ยวเห็นหมอศรัณย์โผล่มาก็ยิ่งไม่ชอบใจ แอบบ่นกับตัวเองว่าเวลามีเยอะแยะไม่มา ทำไมต้องมาตอนนี้...วาสนากลัวศรัณย์จับได้เรื่องศัลยกรรมใบหน้าของวรรณิตที่จงใจให้เหมือนศุภิสรา ก็เลยสันหลังหวะและคิดอยากกำจัดหมอศรัณย์คนนี้ให้พ้นทาง

วาสนาเลือดเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ! เธอแอบสั่งนพกร ให้ไปจัดการหมอศรัณย์โดยเร็ว นพกรเลือกเวลาที่หมอเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ขับรถตามไปดักที่ปั๊มน้ำมันแล้วลงมือฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะกลับมาที่บ้านทรงพลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วนำเสื้อตัวเองที่เปื้อนเลือดเผาไฟ พอสลวยมาเห็นและซักถาม เขาก็ทำโวยวายกลบเกลื่อนจนสลวยร้องไห้วิ่งหนีไป

ข่าวการตายของหมอศรัณย์ทำให้ลิลินกับปรมัตถ์ผิดหวังที่จะไปเอาหลักฐานการรักษาทิวัตถ์อย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะเดียวกันทรงพลกับศุภารมย์ก็ใจคอไม่ดี เช่นเดียวกันทิวัตถ์ที่เริ่มเชื่อคำพูดลิลิน ถึงกับค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโดยการสะกดจิตเปลี่ยนจิตใต้สำนึกของความทรงจำ ที่สำคัญเขาจะร่วมมือกับลิลินค้นหาความจริงให้ได้!

ด้านศักดิ์สิทธิ์ที่โรงแรมกำลังจะเจ๊ง เขาเครียดหนักและมีอาการเหม่อลอยจนปกติกับวิชนีเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะฆ่าตัวตาย จึงให้ลิลินโทร.ตามทิวัตถ์มาช่วยกล่อม ...ที่ไหนได้ ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อสงบจิตใจ แต่คนที่ห่วงใยไม่รู้เรื่อง เลยพากันห้ามปราม โดยเฉพาะวิชนีที่ห่วงเขามากถึงกับตบหน้าเขาแล้วด่าซ้ำว่าไอ้คนอ่อนแอ ไอ้คนหนีปัญหา แถมเธอยังเป็นต้นเหตุให้เขาตกบันไดลงมาแทบเดี้ยง

หลังจากเคลียร์เรื่องศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ทิวัตต์หาโอกาสคุยกับลิลินตามลำพังเรื่องหมอศรัณย์ที่ตายกะทันหันจนน่าแปลกใจ

“เป็นไปได้ยังไงที่อาหมอจะถูกฆ่าในวันที่เราจะไปหาแกพอดี”

“ในข่าวบอกว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ แต่ฉันว่ามันบังเอิญเกินไป”

“คุณคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับที่เรากำลังตามหาเหรอ”

“มันมีความเป็นไปได้”

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”

“ฉันยังคิดไม่ออก ว่าแต่มีใครรู้เรื่องที่เรากำลังจะทำรึเปล่า”

“เปล่า...คุณต้องการจะบอกอะไรผม”

“ฉันกำลังคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่คุณก็ยังไม่ได้บอกใคร”

“หมายความว่าไง”

“เราเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเมื่อวาน แล้วทันทีที่คุณตัดสินใจไปหาหมอศรัณย์...ก็กลับเกิดเรื่องกับหมอศรัณย์จนไม่สามารถให้คำตอบเราได้ นั่นแสดงว่าต้องมีคนไม่อยากให้คุณรู้ความจริงแน่ๆ”

“นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คุณจะพูดลอยๆอย่างนี้ไม่ได้”

“แต่ฉัน...”

“ผมเชื่อว่าครอบครัวผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

ทิวัตถ์เดินออกไปอย่างหงุดหงิด ลิลินมองตามอย่างเข้าใจว่าต้องให้เวลาเขาหน่อย เพราะครอบครัวใครใครก็รัก...เธอปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักครู่ แล้วค่อยเดินตามไปหาเขาในสวนของโรงแรม ลงนั่งใกล้กันก่อนเอ่ยว่า

“คุณกำลังคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเหรอ”

“ก็อาจจะ แต่ผมแค่คิดว่าถ้าอาหมอตายเพราะคลิปนั่นจริงๆ แสดงว่าคลิปนั่นต้องสำคัญมาก”

“ใช่...สำคัญมาก...อย่างที่ฉันบอกคุณไปหมดแล้ว”

“แล้วตอนนี้คลิปนั่นอยู่ไหน”

“อยู่ในคอมฯที่ตำรวจเอาไป”

“งั้นผมจะไปบอกรองศัลย์เอง” เขาลุกพรวด เธอรีบคว้าแขนไว้ ห้ามไม่ให้เขาไป ยังไงศัลย์ก็ไม่ยอมให้คลิปวีดิโอ เพราะเขาไม่ใช่พวกเรา “แต่มันเป็นทางเดียวที่ผมจะได้เห็นคลิปนั่น”

“แล้วถ้าไม่ใช่คลิปล่ะ”

“คุณหมายความว่าไง”

“ความจริงไง...ตอนนี้ถ้าเราไม่มีคลิป ทางเดียวที่จะทำให้คุณรู้ความจริงได้ก็คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น คุณพอจะนึกออกไหมว่ามีใครที่รู้เรื่องเหตุการณ์วันนั้น...นอกจากครอบครัวคุณ”

ทิวัตถ์นิ่งไปอย่างใช้ความคิด...ไม่นานก็ได้คำตอบ ให้ตัวเองว่ายังมีใครอีกคนที่น่าจะรู้เห็น ซึ่งเขาคนนั้นก็คือผู้กำกับทรงเผ่า

ooooooo

วันเดียวกัน ทรงพลกับศุภารมย์ไปพบศัลย์ที่สถานีตำรวจ เกาะติดความเคลื่อนไหวว่าตำรวจจับตัวคนร้ายฆ่าหมอศรัณย์ได้หรือยัง

“ยังครับ...ตอนนี้กำลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในปั๊มอยู่ครับ”

“แล้วทำไมหนังสือพิมพ์ถึงได้บอกว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์...แน่ใจแล้วเหรอ”

“ผมเป็นคนบอกหนังสือพิมพ์พวกนั้นให้ลงข่าวว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์เอง ผมอยากให้ฆาตกรตายใจ”

“รองฯพูดเหมือนว่าหมอศรัณย์ถูกฆาตกรรมงั้นเหรอ”

ศัลย์ไตร่ตรองไม่อยากพูดอะไรมัดตัว “เอาเป็นว่า...ผมขอรอผลการชันสูตรก่อนแล้วกันครับ อ้อ ผมลืมบอกไปอีกเรื่อง ก่อนที่หมอศรัณย์จะเสียชีวิต...ผมเห็นหมอนั่งคุยกับพี่ซ้ง”

“อะไรนะ! หรือว่าจะเป็นฝีมือของทรงเผ่า”

“คุณคิดว่าพี่ซ้งกับหมอศรัณย์จะคุยกันเรื่องเมื่อ 15 ปีก่อนงั้นเหรอ”

“อาจจะใช่...แล้วก็อาจจะไม่ใช่...เพราะฉะนั้นคนที่น่าจะหาคำตอบให้พวกเราได้ก็น่าจะเป็นรองฯ” ศุภารมย์กล่าวหนักแน่น แววตากร้าวมองศัลย์อย่างบังคับ

บ่ายนั้นเอง ทิวัตถ์พาลิลินไปยังชุมชนแออัดซึ่งเป็นที่อยู่ของทรงเผ่าในอดีต ทิวัตถ์เคยมากับทรงพลที่มาส่งทรงเผ่าแถวนี้บ่อยครั้ง

“ผมพาคุณมาหาผู้กำกับทรงเผ่า เขาเป็นคนทำคดีแม่ผมเมื่อ 15 ปีก่อน”

“คนที่ทำคดีแม่คุณไม่ใช่รองศัลย์เหรอ”

“ตอนนั้นรองศัลย์เป็นแค่หมวด คนที่ทำคดีจริงๆก็คือผู้กำกับทรงเผ่า”

ลิลินอึ้งไปกับข้อมูลใหม่ จากนั้นก้าวเดินตามเขาเข้าไปในชุมชน แต่ค้นหากันอยู่นานก็ไม่พบเบาะแสหรือเจ้าตัว แล้วยังเกือบจะโดนวัยรุ่นกลัดมันทำร้ายเพราะมันต้องการลวนลามลิลิน

สองคนวิ่งหนีเอาตัวรอดจนกระทั่งไปเจอทรงเผ่าโดยบังเอิญ เมื่อเห็นหน้าค่าตาทิวัตถ์ ทรงเผ่าก็ทักถามนึกว่าทรงพลวานเขาเอาเงินมาให้ พอได้ยินทิวัตถ์ปฏิเสธก็สงสัยว่าทั้งคู่มาทำไม

“ที่เรามาที่นี่ก็เพราะอยากจะถามอะไรผู้กำกับบางอย่างน่ะค่ะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่มีใครเรียกฉันว่าผู้กำกับมานานแล้วนะ ...ดีเหมือนกัน แล้วพวกเธออยากรู้อะไรล่ะ”

“พวกเราอยากรู้เรื่องฆาตกรรมในบ้านคุณทรงพลเมื่อ 15 ปีที่แล้วค่ะ”

ทรงเผ่ามองหน้าลิลินอย่างพิจารณา แล้วถามว่า “ทำไมฉันถึงได้คุ้นหน้าเธอจัง”

ลิลินกับทิวัตถ์ชะงักไปเพราะคิดว่าทรงเผ่าจำได้ว่าลิลินเป็นลูกปองภพ

“อ๋อ นึกออกแล้ว เธอเป็นนักร้องที่รอยัลเพิร์ล ใช่ไหม วันนั้นเห็นแต่ในโปสเตอร์ ยังไม่ทันได้เห็นตัวจริง ก็เกิดเรื่องซะก่อน...เอ้า มีอะไรจะถามก็รีบถามมา”

“ที่พวกเรามาหาผู้กำกับเพราะผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าแม่ผม”

“คดีเขาปิดไปเป็นชาติแล้วจะมาสงสัยอะไรกันอีก”

“เราสงสัยว่าฆาตกรที่จับได้อาจจะไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง”

ทรงเผ่าชะงัก แต่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่ “งั้นเหรอ แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนมีราคาทั้งนั้น ยิ่งเป็นความลับด้วยแล้วตัวเลขก็จะยิ่งสูง บางทีก็อาจจะสูงเท่ากับกองเงินกองทองที่หลานวินนอนอยู่เลยก็ได้”

“ผู้กำกับอยากได้เท่าไหร่” ทิวัตถ์ยิงตรง

“อย่าเลย...ฉันว่าหลานวินคงจะจ่ายไม่ไหว แล้วอีกอย่างพ่อเราก็ให้เงินฉันทุกปี เพราะฉะนั้นความลับมันก็ยังจะเป็นความลับต่อไป”

ทรงเผ่ามองทิวัตถ์กับลิลินอย่างมีเลศนัย ทำให้หนุ่มสาวยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก

ooooooo

วิชนีทนเห็นศักดิ์สิทธิ์จมอยู่กับความทุกข์เรื่องโรงแรมไม่ไหว เธอตัดสินใจไปพบอาม่าของเขาถึงบ้าน หลังจากคุยกับปกติแล้วรู้ว่าอาม่าเป็นคนเดียวที่จะช่วยกู้โรงแรมให้กลับมาดำเนินกิจการได้เหมือนเดิม

อาม่าร้อนใจและไม่พอใจที่ศักดิ์สิทธิ์เดือดร้อนแต่ไม่มาหาตนด้วยตัวเอง เธอจึงเป็นฝ่ายเดินทางมาหาหลานรักแล้วบ๊งเบ๊งเอาพัดตีหัวเขาจนร้องโอ๊ย ถามว่าอาม่ามาได้ยังไง

“ก็หลานแท้ๆมันไม่สนใจ อั๊วก็ต้องนั่งรถมาเอง น่ะสิ แล้วนี่แขนลื้อไปฟัดกับหมาที่ไหนมา”

“อุบัติเหตุครับ ไม่มีอะไรหรอก”

“ลื้อนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุกับตัวเองขนาดนี้ได้ยังไง”

“ถ้ารู้ตัวก็ไม่เรียกอุบัติเหตุสิ”

ศักดิ์สิทธิ์แอบเถียงเบาๆ แต่อาม่าหูดี ฟาดพัดที่หัวหลานชายอีกทีก่อนบ่นอุบต่อไป

“อั๊วก็ตีให้เจ็บเนี่ยแหละ ลื้อจะได้มีสติ ในโรงแรมมีคนตายทั้งคนข่าวดังไปทั่วจังหวัด ลื้อไม่คิดจะบอกอั๊ว...คิดว่าอั๊วไม่รู้หรือไง”

“อ๋อ...อาม่าก็เลยมาหาผมใช่ไหม แต่อาม่าไม่ต้องมายุ่งหรอก ผมจัดการเองได้”

“ลื้อนี่ดื้อเหมือนเตี่ยลื้อจริงๆเลยนะอาเม้ง แล้วที่อั๊วมาเนี่ย เพราะคิดว่าลื้ออาจจะกำลังต้องการความช่วยเหลือ”

“ไม่มีนี่ครับ”

“ถ้างั้นอั๊วกลับ” อาม่าประกาศแล้วหันหลังตั้งท่าจะเดินกลับ แต่เหมือนนึกอะไรได้ หยุดกึกพูดทิ้งท้ายว่า “แต่ลื้ออย่าลืมว่าโรงแรมนี้เป็นของเตี่ยลื้อมาก่อน...ถ้าลื้อทำเจ๊ง...ลื้อตาย”

ศักดิ์สิทธิ์ได้ยินอย่างนั้นก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองทันที “แล้วถ้าผมจะขอยืมเงินอาม่าก่อน...ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ลื้อจะเอาไปทำอะไร”

“ก็...เก็บไว้เป็นเงินสำรอง...เผื่อผมต้องใช้”

“ลื้อไม่ต้องมาปิดบังอั๊วหรอกอาเม้ง จริงๆแล้วอั๊วรู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว ลื้อจะเอาเท่าไหร่ว่ามา”

ศักดิ์สิทธิ์ขอยี่สิบล้าน แต่อาม่าบอกเอาไปเลยสามสิบล้าน มีข้อแม้เขาต้องมีหลานให้ตนสักที

“หา!! อีกแล้วนะอาม่า...บอกแล้วไงว่าผมยังไม่มี คนที่ผมรัก”

“อ้าว...แล้วผู้หญิงที่ไปหาอั๊วที่บ้านล่ะ”

“ผู้หญิงไหนครับอาม่า”

“ก็อาหนูนีไง...ที่เป็นเชฟน่ะ”

“เมื่อกี้อาม่าว่าไงนะ ไปหาที่บ้านเลยเหรอ”

“ใช่ แล้วอีไม่ได้เป็นแฟนลื้อเหรอ”

“โอ๊ย...ไม่มีทางหรอกอาม่า ผมกับยัยนั่นน่ะเกลียดกันจะตาย”

“ก็ได้ งั้นอั๊วจะให้เงินลื้อก็ต่อเมื่อลื้อทำตามที่อั๊วบอกเท่านั้น” อาม่ายื่นคำขาดเสียจนศักดิ์สิทธิ์เครียดหนักกว่าเดิม

ooooooo

ทิวัตถ์กับลิลินออกจากชุมชนแออัดกลับมาที่โรงแรม เขาและเธอเก็บคำพูดของทรงเผ่ามาขบคิดและหารือกันว่า

“ความลับมีราคาเท่ากองเงินกองทอง...หมายความว่าเรื่องนี้ต้องมีความลับที่สำคัญมากปิดบังไว้จริงๆ”

“แล้วที่สำคัญคือผู้กำกับมีส่วนรู้เห็นด้วย”

“ซึ่งปัญหาอยู่ที่เขาไม่ยอมบอก”

“แต่ผมว่าอย่างผู้กำกับ...เงินสามารถซื้อเขาได้”

“แล้วที่แกบอกว่าแกมีความลับของพ่อแม่คุณ คุณคิดว่ามันคือเรื่องนี้ไหม”

“ผมเองก็อยากรู้ไม่น้อยไปกว่าคุณ”

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 11 วันที่ 23 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ