อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 11/3 วันที่ 6 พ.ค. 56


อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 11/3 วันที่ 6 พ.ค. 56

เวลาเดียวกันเพชรมองชามข้าวต้ม สลับกับมองน้ำหนึ่งที่นอนหลับอยู่
“ข้าวต้มเย็นหมดแล้ว ยังไม่ตื่นอีก”
เพชรมองน้ำหนึ่ง ถอยออกมานั่งห่างๆ แหงนมองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า นึกถึงทับทิม และเหตุการณ์ตอนที่ นวลบอกทับทิมไม่ได้อยู่
“แม่อยู่ที่ไหน”
ดวงตาของเพชรมีแต่แววกังวล เพราะเป็นห่วงทับทิม กลุ้มกับปัญหารุมเร้าทุกอย่าง

ทับทิมที่เพชรกำลังคิดถึง นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องคุมตัวของบ้านร้าง พยายามคิดหาทางออก ทับทิมมองออกไปเห็นลูกน้องของอารีย์อยู่กันเต็ม คอยเฝ้าทุกจุด


ทับทิมหน้างอหงุดหงิด อารีย์เปิดประตูเข้ามา ผู้หญิงสองคนมองกันตาขวาง ทับทิมด่า
“ปัญญาอ่อนที่สุด..กะอีแค่เรื่องผู้ชาย..ก็ต้องจับกันมาขังไว้”
“ฉันจะไม่เกลียดเธอขนาดนั้นหรอกทับทิม ถ้าเธอไม่ได้เป็นศัตรูลูกชายฉัน”
“ฉันไม่เคยทำอะไรลูกชายคุณ...มีแต่ลูกชายคุณทำร้ายฉัน ทำร้ายลูกฉัน”
“ใช่...ลูกชายฉัน ผิด แต่เธอเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่คนเป็นเมียบ้างมั้ย...สามีเข้าข้างผู้หญิงคนอื่น จนยอมทำร้ายลูก”
“เพราะพี่บัติรู้ไงว่าอะไรผิดอะไรถูก” ทับทิมเยาะ
“แต่มันใช้ในชีวิตจริงไม่ได้” อารีย์หยัน
“ได้สิ...ถ้าคุณมีคุณธรรมพอ”
“คุณธรรม แลกกับการที่ให้ลูกชายไปติดคุกน่ะเหรอ? มันมีแต่ในนิยาย ทับทิม”
“ก็นั่นแหละที่เค้าเรียกกัน คนเลว!”
อารีย์ตบดังผลัวะ ทับทิมเหลียวขวับมามองตาเขียว โกรธ อารีย์มองข่ม
“ฉันยอมเลวเพื่อลูก..เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า...”
ทับทิมมอง อยากรู้ว่าอารีย์จะพูดอะไร อารีย์ว่าต่อ
“ฉันจะให้เงินเธอกับลูกก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่เธอกับลูกต้องหนีไป หมดอายุความแล้วค่อยกลับมา”
ทับทิมหัวเราะลั่น) โถๆๆๆ คุณอารีย์ ช่างมีน้ำใจที่แสนจะอารีย์สมชื่อ แต่ชีวิตคนทั้งคน มันไม่ง่ายขนาด
นั้นหรอก โดยเฉพาะลูกฉันไม่ได้ผิด ฉันไม่ยอม ลูกแกต่างหากที่จะต้องเข้าคุกนังอารีย์
ทับทิมกระโจนเข้าหาอารีย์ เงื้อมือตบอย่างแรง ลีลาของสองคนแตกต่างกัน ทับทิมลุยแบบชาวบ้าน จิก ข่วน ทุกกระบวนท่า แต่อารีย์มีชั้นเชิง แบบเมียเจ้าพ่อ เด็ดขาด อารีย์กระชากผมทับทิมอย่างแรง อีกมือหนึ่งเอาปืนจ่อที่หัว
ทับทิมมองปืนใจหายวับ ร้องลั่น “อย่า!”
นักปราชญ์เปิดประตูเข้ามา “กำลังอยากขอเสียงอยู่พอดี”
“แกจะทำอะไร”
“ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง...”
นักปราชญ์หยิบมือถือขึ้น ทับทิมมอง ใจเต้นรัว นักปราชญ์โทร.หาใครบางคน

ค่ำนั้นน้ำหนึ่ง ลืมตาขึ้นมา เห็นเพชรนั่งอยู่ น้ำหนึ่งแอบยิ้มในดวงตา เพชรเฝ้าเธอ เพชรถามดุ
“ตื่นแล้วเหรอ? กินข้าวซะ จะได้กินยา”
น้ำหนึ่งแอบอมยิ้มอ้อน “น้ำหนึ่งไม่มีแรง กินไม่ไหว”
“ไม่กิน ก็ตาย”
“พี่เพชรจะให้น้ำหนึ่งตายจริงๆ เหรอ” เพชรเมินหนี “แน่ใจนะ ถ้าน้ำหนึ่งตายจริงๆ พี่เพชรจะไม่เสียใจ” น้ำหนึ่งแกล้งเพชร “ได้....ถ้าพี่เพชรอยากให้น้ำหนึ่งไปตาย น้ำหนึ่งจะไปจริงๆ”
พูดจบน้ำหนึ่งก็แกล้งวิ่งออกไป เพชรคว้าตัวเอาไว้
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“ก็พี่เพชรอยากให้น้ำหนึ่งตาย...”
สองสายตาประสานตากัน น้ำหนึ่งบอกเสียงหวาน
“ทุกคนครั้งที่เห็นสายตาพี่เพชร น้ำหนึ่งรู้..พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง พี่เพชรจะไม่มีวันทำร้ายน้ำหนึ่ง”
“เพ้อเจ้อ” เพชรเมินหน้าหนี
น้ำหนึ่งคว้าคอเพชรเอาไว้ ดันหน้าเพชรให้หันมา “ไม่ได้เพ้อเจ้อค่ะ..พี่เพชรรักน้ำหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อ..พี่เพชร
ก็หันมามองน้ำหนึ่งสิคะ...”
เพชรไม่หัน กลัวสายตาตัวเองจะแพ้สายตาน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งอ้อน
“สิคะ....มองตาน้ำหนึ่ง แล้วพี่เพชรจะรู้ เราสองคนรักกันมากแค่ไหน”
น้ำหนึ่งมองอ้อน เพชรห้ามใจตัวเอง แต่ห้ามไม่ได้ ค่อยๆ หันมา สองคนสบตากัน สายตาของทั้งเพชรและน้ำหนึ่ง ต่างเห็นแต่ความรัก ห่วงใยอยู่ในนั้น สายตาของเพชรอ่อนโยนลง แพ้ใจตัวเอง
น้ำหนึ่งยิ้มทั้งน้ำตา “พี่เพชรเชื่อแล้วใช่มั้ยคะว่าเรารักกัน เรารักกันมาก เรา...!”
น้ำหนึ่งพูดได้แค่นั้น เพชรก็ก้มลงมาจูบ รวดเร็ว แรงรักท่วมท้นล้นอก เสียงมือถือดัง เพชรสะดุ้ง รู้สึกตัว
ได้สติ ว่าไม่ควรเผลอตัวแสดงความรักต่อน้ำหนึ่ง เพชรคว้ามือถือมารับสาย ยินเสียงของทับทิมแผดดังก้องออกมา

เพราะทับทิมมองนักปราชญ์เขม็ง “แกโทร.หาใคร”
“ลูกชายแกไง ไอ้เพชร”
ทับทิมกรีดร้อง “อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
เพชรที่รับโทรศัพท์อยู่ ถึงกับอึ้งตะลึงงัน
“แม่”

น้ำหนึ่งตกตะลึง หันมามองเพชรอย่างตื่นเต้น
ทางด้านอารีย์ยังเอาปืนจ่อหัวทับทิมอยู่ ทับทิมมองนักปราชญ์กลัวใจจะขาด นักปราชญ์หัวเราะขณะพูดสายกับเพชร

“แกได้ยินแล้วใช่มั้ย ถ้าไม่อยากให้แม่แกเป็นอะไร เอาน้ำหนึ่งมาให้ฉัน”
เพชรเหลียวขวับไปมองน้ำหนึ่ง ขณะที่พูดสาย น้ำหนึ่งมองมาท่าทีงวยงง ไม่เข้าใจ จู่ๆ เพชรกระชากมือน้ำหนึ่งอย่างแรง
“มานี่!”
เพชรลากน้ำหนึ่งออกไป คราวนี้จริงจัง ดุดันมาก จนน้ำหนึ่งตกใจ
“พี่เพชรจะพาน้ำหนึ่งไปไหน”
เพชรตวาด “เลิกถามซะที ขึ้นรถ!”
เพชรฉุดกระชากลากน้ำหนึ่งขึ้นรถปิดประตูปัง แล้วขับรถทะยานออกไปรวดเร็ว

ส่วนภายในบ้านร้าง ทับทิมมองอารีย์อย่างหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็กรีดร้องเสียงดังลั่นไม่ยอมหยุด
“อย่า..อย่าทำอะไรลูกฉันนะ”
“ไม่ต้องกลัว..ถ้าลูกแกคืนน้ำหนึ่งให้ ทุกอย่าง จบ มานี่” นักปราชญ์เข้ามาลากทับทิม
“ไม่” ทับทิมไม่ยอม
“จะไปดีๆ หรือจะไปแต่วิญญาณ!” อารีย์ขู่
ทับทิมผวามองปืนในมืออารีย์เขม็ง นักปราชญ์เดินเข้ามาลากตัวทับทิมออกไป อารีย์เดินตามออกไป

นักปราชญ์ลากทับทิมออกไปยังหน้าบ้านร้าง
“ปล่อยฉันๆ”
“ปล่อยแน่...ถ้าลูกชายแกมา”
ทับทิมมองนักปราชญ์อย่างหยามหยัน รู้ทัน “ทำยังกับฉันโง่...แกไม่มีทางปล่อยพวกฉันไปเด็ดขาด”
นักปราชญ์หัวเราะอีก “เก่งนี่...หวังว่าลูกชายแก จะฉลาดเหมือนแก”
“ไอ้เลว!” ทับทิมเอื้อมมือตบนักปราชญ์ดังผลัวะ
นักปราชญ์โกรธกระชากทับทิมสุดแรง “แก”
อารีย์ร้องห้าม “อย่าทำอะไรมัน นักปราชญ์”
นักปราชญ์ขัดใจ “ก็มัน...”
“แม่บอกให้ปล่อย”
นักปราชญ์จำต้องปล่อยมือออกจากทับทิม ทับทิมสะบัดตัวออกห่าง แต่ไม่กล้าวิ่ง เมื่อเห็นลูกน้องของอารีย์อยู่กันเป็นแผง อารีย์ยิ้มหยันขณะมองทับทิม
“ฉันน่ะอารีย์สมชื่อ เพราะฉะนั้น ฉันจะปล่อยเธอ...”
นักปราชญ์หงุดหงิด จะห้าม “แม่!”
อารีย์ยกมือปรามนักปราชญ์ หันไปบอกทับทิม “ฉันจะปล่อยเธอ วิ่ง..วิ่งไปเลย” อารีย์หยิบปืนขึ้นมา ทับทิมมองปืนหน้าซีดเผือด “ถ้าเธอหนีได้ เธอรอด แต่ถ้าไม่...” อารีย์ยกปืนขึ้นมา เตรียมลั่นไก “เธอคงรู้ใช่มั้ย ว่าสภาพศพเธอจะเป็นยังไง ไป๊!”
อารีย์ยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยง ทับทิมวิ่งหนีสุดชีวิต นักปราชญ์หัวเราะชอบใจ
“วิ่งให้เร็วกว่านี้อีก นังทับทิม วิ่งให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นแก ตาย!”
กลุ่มอารีย์นักปราชญ์ตามทับทิมไป

ท่ามกลางความมืดมิด ทับทิมวิ่งเตลิดหนีมาถึงซอยเปลี่ยว อารีย์ ลูกสมุนและนักปราชญ์วิ่งไล่จี้ตามมาติดๆ ด้านหน้าของทับทิมคือถนนใหญ่ อยู่ไม่ไกลนัก ทับทิมเร่งฝีเท้าสุดชีวิต พุ่งออกไปที่ปากซอยด้วยความหวัง จังหวะเดียวกันนั้นรถสิบล้อคนหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ทับทิมกรีดร้องสุดเสียง
“แอร๊ยยย”
อารีย์ นักปราชญ์ และสมุนทุกคนเห็นเป็นช่วงข้างรถสิบล้อเบรกเอี๊ยดสนั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่คนขับรถสิบล้อผัวเมียสองคนจะวิ่งลงมาดูท่าทีตกใจ กลุ่มของอารีย์ก็ยิ่งตกใจ
“มันถูกรถชน” อารีย์ว่า
“นังทับทิม มันมีสภาพไม่ต่างจากเพื่อนไอ้เพชรหรอก” นักปราชญ์สะใจ
ทุกคนมองอย่างไม่ยี่หระ ขณะที่อารีย์สั่งเสียงกร้าว
“รีบหนีเร็ว!”
กลุ่มของอารีย์ผละตัวสลายโต๋หนีไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงรถสิบล้อที่จอดนิ่งในยามค่ำคืนกลางทางสามแยกแห่งนั้น

ด้านเพชรขับรถมาตามทางเปลี่ยว ด้วยความเร็วสูงราวกับจะบิน สายตาก็กวาดมองสองข้างทางเพื่อหาโกดังสถานที่นัด น้ำหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“พี่เพชรมองหาอะไร”
“เงียบได้มั้ยน้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งเงียบ น้ำเสียงและหน้าตาเพชรดุดันจนน้ำหนึ่งกลัว เพชรกวาดตามองต่อไปอีกสักระยะ จนแลเห็นเป็นโกดังร้างแห้งหนึ่ง ลักษณะตรงตามที่นักปราชญ์บอก เพชรเลี้ยวรถเข้าไปทันที

เพชรขับรถพาน้ำหนึ่งมาจอดที่โกดังสถานที่นัด น้ำหนึ่งงงอยู่อย่างนั้น เพชรลากน้ำหนึ่งลงจากรถ
“ลงมา”
น้ำหนึ่งยื้อตัวเอาไว้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนที่บ้านไร่ มันดูจริงจัง และน่ากลัวนัก
เสียงหัวเราะไม่คุ้นหูดังขึ้น เพชรกับน้ำหนึ่งหันไปมอง เห็นนักปราชญ์หัวเราะ
น้ำหนึ่งเริ่มจับทางประเมินสถานการณ์ “พี่นักปราชญ์” แต่ยังงงๆ ว่านักปราชญ์มาทำไม? เกี่ยวอะไร?
นักปราชญ์มองจ้องหน้าเพชร แต่เยาะเย้ยน้ำหนึ่ง “นี่หรือจ๊ะคนที่น้องน้ำหนึ่งรักสุดชีวิต จนยอมหนีตาม...แต่สุดท้ายมันกลับเอาน้องน้ำหนึ่งมาเป็นตัวประกัน”
น้ำหนึ่งมองเพชร ตื่นตระหนก กลัวจริง “หมายความว่ายังไงคะ”
เพชรมองนักปราชญ์ ถามเสียงเข้ม “แม่ฉันอยู่ไหน”
“พี่คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยจ๊ะน้องน้ำหนึ่ง ว่าหมายความว่าอะไร?” นักปราชญ์เย้ยหยันอีก “ยังไง ผู้ชายคนนี้ก็เห็นน้องน้ำหนึ่งเป็นแค่ของแลกเปลี่ยนอยู่ดี” จังหวะนี้นักปราชญ์หันมาทางเพชรบอกเสียงเข้ม “ส่งน้ำหนึ่งมา”
“พาแม่ฉันมาก่อน”
“แม่แกมีที่ไหน” นักปราชญ์เล่นแง่
เพชรงง นักปราชญ์หัวเราะร่า
“โปรแกรมเลียนเสียงทุกวันนี้มีเยอะแยะไป แกนี่มันโง่จริงๆ”
“ไอ้!” เพชรโกรธจัด
นักปราชญ์ยกปืนขึ้น “ส่งน้ำหนึ่งมา ไม่งั้นแกตาย”
“ไม่”
น้ำหนึ่งพยายามสะบัดจากเพชร “ปล่อย! น้ำหนึ่งไม่ใช่ตัวประกันของใคร ปล่อย”
เพชรกระชากน้ำหนึ่ง เสียงดุดัน “ หยุด”
“ไอ้เพชร” นักปราชญ์เล็งปืนมาที่เพชร
เพชรดึงตัวน้ำหนึ่งมาบังตัวเองที่ด้านหน้า “แกกล้า ก็ยิงสิ”
น้ำหนึ่งเสียใจมาก คาดไม่ถึง “พี่เพชร”
“ไอ้เพชร”
เพชรเย้ย “แน่จริง! ก็ยิงสิ!”
น้ำหนึ่งร้องไห้ “พี่เพชร ปล่อยน้ำหนึ่งนะปล่อย”
เพชรตะคอก “หยุด” แล้วหันไปบอกกับนักปราชญ์ “แกกล้าก็ยิงเลย ถ้าไม่...แกกับฉันได้เจอกันอีกแน่ ไอ้เลว”
เพชรพาน้ำหนึ่งออกไป นักปราชญ์ไม่กล้าทำอะไร เพราะเพชรเอาน้ำหนึ่งเป็นตัวประกัน

น้ำหนึ่งถูกผลักเข้ามาในบ้านล้มลงจนร้องไห้
“ทำไมพี่เพชรทำน้ำหนึ่งอย่างนี้”
“พ่อเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง” เพชรตะคอกเสียงดุดัน “เธอต้องอยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะหาแม่เจอ”
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ” น้ำหนึ่งย้อน
เพชรเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เชยคาง “ก็สาแก่ใจเธอแล้วไง เธออยากอยู่กับฉัน” เพชรมองอย่างเหยียดหยาม
น้ำหนึ่งตบหน้าเพชรอย่างแรง เพชรหันมาตะคอกโกรธ
“น้ำหนึ่ง”
น้ำหนึ่งร้องไห้ ด้วยความเสียใจ “นับวัน..พี่เพชรยิ่งใจร้าย ไม่มีเหตุผล”
“ไม่มีเหตุผล” เพชรกระชากเข้ามาโกรธ “แล้วแม่ฉันทั้งคน พี่ฉันล่ะ”
“งั้นพี่เพชรก็ไปเห็นกับตาสิ..พี่พลอยไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่พลอยเดินได้ ได้ยินมั้ย..พี่พลอยเดินได้”
น้ำหนึ่งตะโกนใส่หน้าเพชร เพชรกระชาก
“อย่าใส่ร้ายพี่พลอย”
“ถ้าพี่เพชรคิดว่าน้ำหนึ่งใส่ร้าย พี่เพชรก็ไปดูพี่พลอยให้เห็นกับตาสิ ไปเลย”
“ได้...ฉันจะไปดูพี่พลอยให้เห็นกับตา ถ้าเธอใส่ร้ายพี่พลอย เธอเจอดีแน่น้ำหนึ่ง”
สองคนมองหน้าท้าทายกัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร

ขณะเดียวกันพลอยเดินออกมาจากบ้านเชิงเขาท่ามกลางความมืดมิด พุ่งตรงไปที่รถ ร่างตะคุ่มของพลอยในเงามืดช่างแลดูน่ากลัว

บรรยากาศทั่วทั้งในโรงพยาบาล คืนนี้ดูเงียบเหงา วังเวง และดูน่ากลัว ภายในห้องพักฟื้นของดาราณีก็เช่นกัน นาฬิกาที่ติดผนังบอกเวลาตีสาม เสียงดังติ๊กต็อกๆ
ท่ามกลางความมืดสลัว แลเห็นว่าดาราณีนอนหลับแต่หลับไม่สนิท เปลือกตาขยับอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องคิดค้างในใจ จังหวะหนึ่งนวลที่นอนเฝ้าดาราณีอยู่มุมห้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา บ่นอุบ
“มาปวดท้องอะไรตอนนี้”
นวลลุกขึ้น มองไปที่นาฬิกา เห็นเป็นเวลาตีสาม นวลหน้าแหย
“ตีสาม..ผีออก อย่าคิดมากนวล...ไม่มีอะไรหรอก”
นวลลุกเดินไปเปิดประตูออกนอกห้องไป ก่อนจะปิดเบาๆ
พลอยมาถึงแล้วยืนหลบมุมอยู่หน้าห้องดาราณี พลอยมองจนร่างของนวลลับหายออกไป
ลูกบิดประตูห้องของดาราณีค่อยๆ ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างของพลอยที่เคลื่อนตัวไปยังเตียงนอนอย่าง
ช้าๆ ยืนจ้องมองดาราณี
ราวกับรู้สึกตัวว่ามีคนจ้อง ดาราณีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา และเห็นพลอยยืนค้ำหัวอยู่ ดาราณีปากคอสั่น ตกใจแทบช็อก เสียงก็แทบไม่มี
“พลอย”
พลอยบอกเสียงเย็นยะเยือก “ไปอยู่ด้วยกันคุณหญิง”
“ไม่..พลอย ฉันไม่ไป...ฉันไม่ไป” ดาราณีเอาผ้าห่มคลุมปิดหน้า “อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว...เราจะไปอยู่ด้วยกัน...” พลอยแตะมือดาราณีผ่านผ้าห่ม
ดาราณีสะดุ้งโหยงกรี๊ดสุดเสียง “ฉันไม่ไป....”
พลอยสะดุ้งเสียงดาราณีดังโหยหวน
จังหวะนี้ที่ด้านนอกตามทางเดินในโรงพยาบาล นวลวิ่งมาเพราะได้ยินเสียงดังมาจากทางห้องดาราณี
“คุณหญิง”
พลอยรีบเปิดประตูเร้นกายหายไปอย่างรวดเร็ว ลับร่างของพลอย นวลวิ่งมาถึงเปิดประตูและเปิดสวิทช์ไฟ
ร่างของดาราณีภายใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านจนน่าตกใจ นวลตรงเข้ามาจับตัวดาราณีเรียกสติ
“คุณหญิงๆ”
ดาราณีเนื้อตัวสั่น นวลเรียกสติอีก
“คุณหญิงคะ...นวลเองค่ะ”
ดาราณี ค่อยๆ ลดผ้าห่มออกเห็นเป็นนวลก็ผวาตัวกอดนวลเนื้อตัวสั่น
“นวล..ฉันกลัว นวล!”
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่มีอะไร”
“มีสิ...มี..ตะกี้พลอยมา..พลอยมาหาฉันอีก!”
นวลมองมาด้วยความสงสาร และเห็นใจ “ไม่มีค่ะคุณหญิง...ไม่มีจริงๆ”
ดาราณีมองหน้านวลตาขวาง “นวลว่าฉันบ้าเหรอ? ฉันไม่ได้บ้านะ ไม่ได้บ้านะ”
นวลกอดดาราณีเอาไว้พร้อมพูดปลอบประโลม “ค่ะๆๆ คุณหญิงไม่ได้บ้า”
ดาราณีร้องไห้พร่ำรำพันออกมา “ฉันไม่ได้บ้า ๆๆๆ”

พลอยที่อยู่หน้าห้อง ยืนฟังอย่างสงบ แต่ดวงตาไหวระริก มีชีวิตชีวา
“ใครที่มันว่าฉันบ้า มันจะต้องบ้าเหมือนฉันทุกคน”
พลอยยิ้มชื่น แต่น้ำตากลับไหลรินออกมาอาบสองแก้ม

อนิจจา...มันเป็นน้ำตาแห่งความทุกข์ระทมโดยแท้
ขณะที่น้ำหนึ่งถูกขังอยู่ในห้อง มองเห็นเพชรขับรถแล่นห่างออกไป น้ำหนึ่งถอนหายใจเฮือก หันกลับมามองทั่วห้อง เห็นหม้อหุงข้าว ปลากระป๋อง ไข่เค็ม อาหารแห้ง สารพัด

“นี่กะจะขังลืมหรือยังไงเนี่ย เฮ้อ! น้ำหนึ่งจะรักคนบ้า ใจร้าย ไม่มีเหตุผล อย่างพี่เพชรไปทำไม?”
น้ำหนึ่งนั่งหน้างอ แต่ท้ายที่สุดแววตาของน้ำหนึ่งก็อ่อนลงเพราะรักเพชรล้นใจ

อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 11/3 วันที่ 6 พ.ค. 56

ละคร มารกามเทพบทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพบทโทรทัศน์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพกำกับการแสดง : ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ละคร มารกามเทพแนวละคร : เมโลดราม่า
ละคร มารกามเทพอำนวยการผลิต : สุรางค์ เปรมปรีดิ์, ถกลเกียรติ วีรวรรณ, นิพนธ์ ผิวเณร
ละคร มารกามเทพออกอากาศ ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.10 - 21.40 น. ทางช่อง 5
ที่มา manage